ระบุกลุ่มอาการใหม่เชื่อมโยงโรคหัวใจ โรคเมตาบอลิซึม และโรคไต
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก (UCSF) ได้ระบุกลุ่มอาการใหม่ที่เรียกว่า “โรคไตอักเสบเรื้อรัง-หัวใจและหลอดเลือด-เมตาบอลิซึม” (CKD-CVD-MetS) กลุ่มอาการนี้เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine พบว่าผู้ป่วยที่มี CKD-CVD-MetS มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีกลุ่มอาการนี้
CKD-CVD-MetS มีลักษณะดังนี้:
- โรคไตเรื้อรังขั้นที่ 3 หรือสูงกว่า
- โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ
- โรคเมตาบอลิซึม เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือภาวะไขมันในเลือดสูง
นักวิจัยเชื่อว่า CKD-CVD-MetS เกิดจากกระบวนการอักเสบที่เชื่อมโยงกับทั้งโรคไตและโรคหัวใจและหลอดเลือด
การอักเสบอาจทำให้หลอดเลือดแดงแข็งและตีบ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ไตทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคไตเรื้อรังได้
การศึกษานี้พบว่า ผู้ป่วยที่มี CKD-CVD-MetS มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีกลุ่มอาการนี้ ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในผู้ป่วยที่มีโรคไตเรื้อรังขั้นรุนแรง
นักวิจัยกล่าวว่า การระบุ CKD-CVD-MetS เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยปรับปรุงการวินิจฉัยและการรักษาสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้
การรักษา CKD-CVD-MetS มุ่งเน้นไปที่การจัดการปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคทั้งสามอย่าง ได้แก่ โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเมตาบอลิซึม
การรักษาโรคไตอาจรวมถึงยารักษาโรคไต การกรองเลือด หรือการปลูกถ่ายไต
การรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดอาจรวมถึงยาลดไขมัน ยาลดความดันโลหิต หรือยาต้านเกล็ดเลือด
การรักษาโรคเมตาบอลิซึมอาจรวมถึงการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และยา
นักวิจัยกล่าวว่า การป้องกัน CKD-CVD-MetS สามารถทำได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคทั้งสามอย่าง ได้แก่
- ควบคุมความดันโลหิต
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
- ควบคุมน้ำหนัก
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่สูบบุหรี่
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ