ลำไส้แปรปรวน ซึ่งแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้

ลำไส้แปรปรวน ซึ่งแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้ 02

ลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome: IBS) เป็นภาวะที่การทำงานของลำไส้ผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดท้องร่วมกับการขับถ่ายที่เปลี่ยนไป โดยอาจเปลี่ยนที่ความถี่ หรือลักษณะของอุจจาระ โรคนี้มักเรื้อรั้งโดยอาการอาจเป็นๆ หายๆ ซึ่งแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้

อาการของลำไส้แปรปรวน

อาการของลำไส้แปรปรวนที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวดท้องบริเวณท้องน้อยหรือใต้สะดือ
  • ท้องผูกหรือท้องเสีย
  • ท้องอืดหรือแน่นท้อง
  • ถ่ายอุจจาระบ่อยหรือถ่ายอุจจาระน้อยลง
  • อุจจาระมีมูกหรือมีเลือดปน

อาการปวดท้องของลำไส้แปรปรวนมักเป็นแบบปวดบีบๆ แน่นๆ ปวดบริเวณท้องน้อยหรือใต้สะดือ อาการปวดอาจเกิดขึ้นได้ก่อนหรือหลังการขับถ่าย หรืออาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุก็ได้ อาการปวดอาจรุนแรงขึ้นหรือลดลงได้เมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ ออกกำลังกาย หรือเครียด

อาการท้องผูกของลำไส้แปรปรวน มักมีลักษณะอุจจาระแข็ง แห้ง ถ่ายลำบาก ถ่ายไม่ออกนานๆ บางคนอาจมีอาการท้องอืดหรือแน่นท้องร่วมด้วย

อาการท้องเสียของลำไส้แปรปรวน มักมีลักษณะอุจจาระเหลว ถ่ายบ่อย ถ่ายไม่สุด บางรายอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย

อาการท้องอืดหรือแน่นท้องของลำไส้แปรปรวน มักเกิดจากการที่ลำไส้บีบตัวผิดปกติ ทำให้อาหารหรือแก๊สไม่สามารถเคลื่อนผ่านลำไส้ได้

อาการถ่ายอุจจาระบ่อยหรือถ่ายอุจจาระน้อยลงของลำไส้แปรปรวน มักเกิดขึ้นสลับกันไปมา โดยอาจมีอาการท้องผูกในช่วงหนึ่ง แล้วตามมาด้วยอาการท้องเสียในช่วงหนึ่ง

อาการอุจจาระมีมูกหรือมีเลือดปนของลำไส้แปรปรวน มักเกิดจากความผิดปกติของเยื่อบุลำไส้

ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

อาการของลำไส้แปรปรวนอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้หลากหลายวิธี เช่น

  • ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัว เสียสมาธิ ไม่อยากทำกิจกรรมต่างๆ
  • รู้สึกอายที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ
  • กังวลว่าอาการจะกำเริบจนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ผู้ป่วยที่มีอาการของลำไส้แปรปรวนอาจรู้สึกอายที่จะเข้าสังคม หลีกเลี่ยงการไปงานสังสรรค์หรือเดินทางไปท่องเที่ยว เพราะกลัวว่าอาการจะกำเริบจนทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ผู้ป่วยบางรายอาจถึงขั้นลาออกจากงานหรือหยุดเรียน เพราะไม่สามารถทำงานหรือเรียนได้ตามปกติ

การรักษา

การรักษาลำไส้แปรปรวนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการ โดยแพทย์อาจให้ยาหรือแนะนำแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เช่น

  • หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นอาการ เช่น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเพื่อช่วยในการขับถ่าย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ฝึกการผ่อนคลายความเครียด

ยาที่ใช้ในการรักษาลำไส้แปรปรวน ได้แก่

  • ยาลดการบีบตัวของลำไส้
  • ยาระบาย
  • ยาแก้ปวด
  • ยาคลายความเครียด

การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ที่อาจช่วยบรรเทาอาการของลำไส้แปรปรวน ได้แก่

  • การฝังเข็ม
  • การนวด
  • การบำบัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ

การป้องกัน

เนื่องจากสาเหตุของลำไส้แปรปรวนยังไม่เป็นที่แน่ชัด จึงไม่สามารถป้องกันได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการลำไส้แปรปรวนได้ โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นอาการ เช่น อาหารหรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นอาการ ความเครียด และการติดเชื้อในลำไส้

Articles You Might Like

Share This Article

Get Your Weekly Sport Dose

Subscribe to TheWhistle and recieve notifications on new sports posts