มีผู้ติดเชื้อ ฝีดาษวานร เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มีผู้ติดเชื้อ ฝีดาษวานร เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 02

อาการของโรคฝีดาษวานร

อาการของโรคฝีดาษวานรมักเริ่มด้วยไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต และอ่อนเพลีย หลังจากนั้นประมาณ 1-3 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ซึ่งผื่นจะมีลักษณะเป็นจุดสีแดง กลายเป็นตุ่มน้ำ และกลายเป็นตุ่มหนองในที่สุด อาการของโรคฝีดาษวานรมักหายไปเองภายใน 2-4 สัปดาห์

  • ไข้ มักเป็นอาการแรกเริ่มของโรคฝีดาษวานร โดยไข้จะสูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป และอาจมีอาการหนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และปวดกล้ามเนื้อร่วมด้วย
  • ผื่น เป็นอาการที่โดดเด่นของโรคฝีดาษวานร โดยผื่นจะขึ้นตามผิวหนังประมาณ 1-3 วันหลังจากมีไข้ ผื่นจะมีลักษณะเป็นจุดสีแดงขนาดเล็ก จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำ และกลายเป็นตุ่มหนองในที่สุด ผู้ป่วยอาจมีอาการคันหรือเจ็บบริเวณที่ผื่นขึ้น
  • ต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมน้ำเหลืองจะโตขึ้นบริเวณคอ หู รักแร้ และขาหนีบ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร

การแพร่กระจายของโรคฝีดาษวานร

เชื้อไวรัสฝีดาษวานรสามารถแพร่กระจายจากสัตว์สู่คนผ่านการสัมผัสโดยตรงกับเลือด น้ำเหลือง สารคัดหลั่ง หรือแผลของสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น จากการสัมผัสกับสัตว์ป่าที่ติดเชื้อผ่านการสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อ หรือจากการสัมผัสกับผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น เนื้อสัตว์ ขนสัตว์ หรือหนังสัตว์

เชื้อไวรัสฝีดาษวานรยังสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ หรือผิวหนังที่ติดเชื้อ เช่น จากการสัมผัสกับละอองฝอยจากการไอหรือจาม การสัมผัสกับแผลที่ผิวหนังของผู้ป่วย หรือจากการสัมผัสกับเสื้อผ้าหรือของใช้ของผู้ป่วยที่ปนเปื้อนเชื้อ

การป้องกันโรคฝีดาษวานร

การป้องกันโรคฝีดาษวานรสามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ป่าที่อาจเป็นพาหะโรค หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีอาการของโรคฝีดาษวานร และฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษวานรได้ประมาณ 85%

การรักษาโรคฝีดาษวานร

ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาเฉพาะสำหรับโรคฝีดาษวานร แต่สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยยาต้านไวรัส เช่น cidofovir และ tecovirimat ผู้ป่วยควรได้รับการแยกกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค

ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการป้องกันโรคฝีดาษวานร

  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการของโรคฝีดาษวานร
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่าที่อาจเป็นพาหะโรค
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ

หากท่านมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคฝีดาษวานร ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

Articles You Might Like

Share This Article

Get Your Weekly Sport Dose

Subscribe to TheWhistle and recieve notifications on new sports posts