ระยะฟักตัว
ระยะฟักตัวหมายถึงระยะเวลาระหว่างที่ผู้ป่วยได้รับเชื้อจนถึงเริ่มมีอาการ ระยะฟักตัวของโรคฝีดาษลิงอยู่ที่ประมาณ 5-21 วัน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7-14 วัน
อาการ
อาการของโรคฝีดาษลิงจะคล้ายกับโรคไข้ทรพิษ โดยจะเริ่มจากมีไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว อ่อนเพลีย หลังจากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นตามตัว โดยลักษณะผื่นจะเริ่มจากเป็นผื่นแดงหรือปื้นนูนแดง จากนั้นจะเป็นตุ่มน้ำใสขนาดใหญ่ ตุ่มหนองที่มีสะเก็ดคลุมแล้วแตกได้ อาการของโรคฝีดาษลิงจะหายเองภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่อาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ลักษณะของผื่น
ผื่นของโรคฝีดาษลิงจะมีลักษณะดังนี้
- เริ่มจากเป็นผื่นแดงหรือปื้นนูนแดง
- กลายเป็นตุ่มน้ำใสขนาดใหญ่
- กลายเป็นตุ่มหนองที่มีสะเก็ดคลุม
- สะเก็ดจะหลุดออกและหายเป็นปกติ
ผื่นของโรคฝีดาษลิงมักขึ้นที่ใบหน้า ลำตัว แขนขา และอาจขึ้นที่เยื่อบุในปาก อวัยวะเพศ หรือเยื่อบุตาขาว
วิธีการแพร่เชื้อ
โรคฝีดาษลิงสามารถแพร่กระจายได้ 2 ทางหลักๆ คือ
- จากสัตว์สู่คน: สัตว์ที่อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อของโรคฝีดาษลิง ได้แก่ ลิง กระรอก หนูป่า เป็นต้น สัตว์เหล่านี้อาจแพร่เชื้อได้ผ่านการสัมผัสใกล้ชิด การกัด การเลีย หรือกินเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อ
- จากคนสู่คน: โรคฝีดาษลิงสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจหรือแผลพุพองหรือตุ่มหนองของผู้ป่วย สารคัดหลั่งเหล่านี้อาจปนเปื้อนบนเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว หรือพื้นผิวต่างๆ
การป้องกัน
การป้องกันโรคฝีดาษลิงทำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ป่าที่อาจติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแผลพุพองหรือตุ่มหนองของผู้ป่วย
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำหรือเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ วัคซีนนี้สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้บางส่วน
การรักษา
ยังไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคฝีดาษลิง แต่อาการของโรคจะหายเองภายใน 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก และรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ
หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดอาจติดเชื้อฝีดาษลิง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม