ไข้เลือดออกเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากยุงลายที่มีเชื้อเดงกี โรคนี้สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
อาการของไข้เลือดออก
อาการของไข้เลือดออกมักจะเริ่มต้นด้วยไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียร่วมด้วย อาการเหล่านี้อาจรุนแรงขึ้นในช่วง 2-3 วันแรก และอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการช็อกและเสียชีวิตได้
การรักษาไข้เลือดออก
การรักษาไข้เลือดออกส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ โดยการให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด และยาน้ำเกลือทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากอาการกระหายน้ำและอาเจียน ผู้ป่วยบางรายอาจต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อรับยาปฏิชีวนะและยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเป็นวิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพ วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกในปัจจุบันมี 2 ชนิด ได้แก่
- Dengvaxia เป็นวัคซีนชนิด 3 เข็ม ฉีดครั้งแรกที่อายุ 9-45 ปี และฉีดเข็มที่ 2 และ 3 ห่างกัน 6 เดือน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้เลือดออกสายพันธุ์ 1, 2, 3 และ 4 ได้ 59.5% และป้องกันอาการรุนแรงของโรคไข้เลือดออกได้ 80.3%วัคซีน Dengvaxia
- QDenga เป็นวัคซีนชนิด 2 เข็ม ฉีดครั้งแรกที่อายุ 4-60 ปี และฉีดเข็มที่ 2 ห่างกัน 3 เดือน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้เลือดออกสายพันธุ์ 1, 2, 3 และ 4 ได้ 80.2% และป้องกันอาการรุนแรงของโรคไข้เลือดออกได้ 90.4%วัคซีน QDenga
ข้อบ่งชี้ในการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกสามารถฉีดได้ในกลุ่มประชากรต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอายุ 9-45 ปี
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้เลือดออก
- ผู้ที่ไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน หรือเคยเป็นไข้เลือดออกแต่อาการไม่รุนแรง
ข้อห้ามในการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกมีข้อห้ามในการฉีดดังนี้
- ผู้ที่แพ้วัคซีนหรือส่วนประกอบของวัคซีน
- ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรง เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม คอบวม
- ผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
ผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกที่พบได้บ่อย ได้แก่
- อาการปวด บวม แดง คัน บริเวณที่ฉีด
- ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
ผลข้างเคียงที่รุนแรงของวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกที่พบได้น้อย ได้แก่
- ภาวะแทรกซ้อนจากวัคซีน เช่น ช็อก อัมพาต ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
สรุป
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเป็นวิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพ ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้เลือดออก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก