โรคงูสวัดเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริมที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส เมื่อเชื้อไวรัสนี้ถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ โรคเรื้อรัง หรืออายุที่เพิ่มขึ้น เชื้อไวรัสจะทำให้เกิดผื่นคันและปวดตามแนวเส้นประสาท
ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของโรคงูสวัดที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
อาการปวดปลายประสาทหลังการติดเชื้อ
อาการปวดปลายประสาทหลังการติดเชื้อ (Postherpetic neuralgia) เป็นโรคที่มีอาการปวดเรื้อรังบริเวณที่ผิวหนังเป็นผื่นงูสวัด อาการปวดอาจรุนแรงและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
อาการปวดปลายประสาทหลังการติดเชื้อมักเกิดขึ้นหลังจากผื่นงูสวัดหายไปแล้ว อาการปวดอาจเกิดขึ้นทันทีหรืออาจเกิดขึ้นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนหลังจากผื่นงูสวัดหายไป อาการปวดอาจมีลักษณะเป็นปวดแสบปวดร้อน ปวดแปลบ ปวดจี๊ด หรือปวดแบบเสียดแทง อาการปวดอาจรุนแรงจนรบกวนการนอนหลับ การเดิน การรับประทานอาหาร และการอาบน้ำได้
สาเหตุของอาการปวดปลายประสาทหลังการติดเชื้อยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากความเสียหายของเส้นประสาทที่เกิดจากการติดเชื้อของเชื้อไวรัสเริม การรักษาอาการปวดปลายประสาทหลังการติดเชื้อทำได้ด้วยยาแก้ปวด ยาชา และยาต้านการอักเสบ
การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม
การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังบริเวณที่ผื่นงูสวัดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น เช่น ฝีหนอง หรือเนื้อตายเน่า การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมมักเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคหลอดเลือด
อาการของการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม ได้แก่ ผิวหนังบริเวณที่ผื่นงูสวัดแดง บวม ร้อน และปวด หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา
โรคงูสวัดอาจทำให้เกิดอาการอักเสบที่ตา เช่น ตาอักเสบ แผลที่กระจกตา หรือจอประสาทตาอักเสบ อาการเหล่านี้อาจทำให้ตาพร่ามัว หรือสูญเสียการมองเห็นได้
อาการอักเสบที่ตาที่เกิดจากโรคงูสวัดมักเกิดขึ้นในผู้ที่เป็นงูสวัดบริเวณใบหน้า อาการอักเสบที่ตาอาจทำให้ตาแดง ปวด คัน และน้ำตาไหล หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษา
ปัญหาเกี่ยวกับหู
โรคงูสวัดอาจทำให้เกิดอาการอักเสบที่หู เช่น หูอักเสบ หรือสูญเสียการได้ยิน
อาการอักเสบที่หูที่เกิดจากโรคงูสวัดมักเกิดขึ้นในผู้ที่เป็นงูสวัดบริเวณใบหน้า อาการอักเสบที่หูอาจทำให้หูแดง ปวด และได้ยินเสียงดัง หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
ปัญหาเกี่ยวกับสมอง
โรคงูสวัดอาจทำให้เกิดอาการอักเสบที่สมอง เช่น สมองอักเสบ หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาการเหล่านี้อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
อาการอักเสบที่สมองที่เกิดจากโรคงูสวัดมักเกิดขึ้นในผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด อาการอักเสบที่สมองอาจทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ชัก หรือหมดสติ หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
การป้องกันโรคงูสวัดสามารถทำได้ด้วยวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด วัคซีนนี้สามารถป้องกันโรคงูสวัดได้ถึง 90% วัคซีนนี้แนะนำให้ฉีดในผู้ใหญ่อายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปีที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคงูสวัด เช่น ผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
หากมีอาการของโรคงูสวัด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม การรักษาโรคงูสวัดสามารถทำได้ด้วยยาต้านไวรัส ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม และช่วยลดอาการคันและปวดได้