ช่วยเพิ่มพลังงานและช่วยให้ตื่นตัว
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้รู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น คาเฟอีนยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยตอบสนองต่อความเครียด ทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวและพร้อมรับมือกับกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
ช่วยลดน้ำหนัก
คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันและลดการอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น การศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟอาจช่วยให้น้ำหนักลดลงได้เล็กน้อย แต่ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถในการเรียนรู้
คาเฟอีนช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในด้านการจดจำ การประมวลผลข้อมูล และการแก้ปัญหา การศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟอาจช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคบางชนิด
การศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน การศึกษาบางชิ้นยังพบว่าการดื่มกาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ และมะเร็งเต้านม
เวลาที่ดีที่สุดในการดื่มกาแฟ
เวลาที่ดีที่สุดในการดื่มกาแฟคือช่วงเช้า เนื่องจากคาเฟอีนจะออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังจากดื่ม และอาจทำให้นอนไม่หลับได้หากดื่มกาแฟก่อนเข้านอน การศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟก่อนนอนอาจทำให้นอนหลับยากขึ้น และอาจทำให้นอนหลับไม่สนิท
ข้อควรระวังในการดื่มกาแฟ
- ไม่ควรดื่มกาแฟมากเกินไป ปริมาณคาเฟอีนที่ปลอดภัยต่อผู้ใหญ่อยู่ที่ 400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับกาแฟประมาณ 4 แก้ว การดื่มกาแฟมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น นอนไม่หลับ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว กระสับกระส่าย ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้อง
- ไม่ควรดื่มกาแฟก่อนนอน เนื่องจากคาเฟอีนอาจทำให้นอนไม่หลับได้
- ไม่ควรดื่มกาแฟร่วมกับแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน และปวดศีรษะได้
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มกาแฟ
นอกจากนี้ การดื่มกาแฟยังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เพิ่มสมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคบางชนิด และช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟก่อนนอน