อเลสเตอรอลเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่พบได้ในร่างกาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- คอเลสเตอรอลชนิด LDL หรือที่เรียกว่าคอเลสเตอรอลชนิดเลว มีหน้าที่ขนส่งคอเลสเตอรอลไปยังอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย คอเลสเตอรอลชนิด LDL ที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
- คอเลสเตอรอลชนิด HDL หรือที่เรียกว่าคอเลสเตอรอลชนิดดี มีหน้าที่นำคอเลสเตอรอลจากอวัยวะต่างๆ กลับไปยังตับเพื่อทำลาย คอเลสเตอรอลชนิด HDL ที่สูงจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
ระดับคอเลสเตอรอล HDL ที่ปกติสำหรับผู้ใหญ่คือ 40-60 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร สำหรับผู้สูงอายุคือ 40-70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
จากการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุที่มีระดับคอเลสเตอรอล HDL-C มากกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร มีความเสี่ยงสูงถึง 3 เท่าที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมเมื่อเทียบกับผู้สูงอายุที่มีระดับคอเลสเตอรอล HDL-C น้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
นักวิจัยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าระดับคอเลสเตอรอล HDL-C มีผลต่อภาวะสมองเสื่อมได้อย่างไร แต่พวกเขาตั้งสมมติฐานว่าอาจเป็นเพราะคอเลสเตอรอล HDL-C มีบทบาทสำคัญในการอักเสบและกระบวนการอักเสบอาจนำไปสู่ความเสียหายของเซลล์ประสาทในสมอง
นอกจากนี้ คอเลสเตอรอล HDL-C อาจทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและเพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสมองด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษานี้เป็นเพียงการศึกษาเชิงสังเกต ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าระดับคอเลสเตอรอล HDL-C เป็นสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมได้โดยตรง จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์นี้
แนวทางการดูแลสุขภาพที่อาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม ได้แก่
- รับประทานอาหารที่มีไขมันดีสูง เช่น ปลา ถั่ว เมล็ดพืช
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด และระดับคอเลสเตอรอล
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- ควบคุมน้ำหนัก
- ฝึกสมองด้วยการคิดเลข เล่นปริศนา หรือทำกิจกรรมทางปัญญาอื่นๆ
หากผู้สูงอายุมีอาการของภาวะสมองเสื่อม เช่น ปัญหาด้านความจำ สมาธิ การตัดสินใจ หรือการสื่อสาร ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
สรุปได้ว่า ระดับคอเลสเตอรอล HDL-C ที่สูงเกินไปในผู้สูงอายุ อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมได้ แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์นี้