ไวรัสซิกา (Zika virus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคไข้ซิกา (Zika fever) โรคนี้เกิดจากยุงลายกัด พบครั้งแรกในลิงที่ประเทศยูกันดา เมื่อพ.ศ.2490 มีรายงานพบการระบาดในพื้นที่ทวีปแอฟริกา เอเชีย หมู่เกาะแปซิฟิก และอเมริกา
ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกาในไทยแล้ว 266 ราย พื้นที่ที่มีการรายงานผู้ป่วย 24 จังหวัด โดยระยะ 4 สัปดาห์ล่าสุดพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงที่ จังหวัดจันทบุรี (37 ราย) และ จังหวัดเพชรบูรณ์ (23 ราย) โดยหากผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาเป็นหญิงตั้งครรภ์ จะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ ทำให้มีศีรษะเล็ก และมีความพิการได้แต่กำเนิด ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา แต่สามารถป้องกันและรับการตรวจวินิจฉัยได้
อาการของโรคไข้ซิกามักไม่รุนแรงและหายได้เองภายในไม่กี่วัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ตาแดง ผื่นแดง และอ่อนเพลีย
อย่างไรก็ตาม โรคไข้ซิกาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ในบางกรณี เช่น ภาวะกลุ่มอาการ Guillain-Barré syndrome ซึ่งเป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ประสาทของตนเอง ทำให้มีอาการอ่อนแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง และอาจถึงขั้นอัมพาตได้
นอกจากนี้ โรคไข้ซิกายังอาจทำให้เกิดภาวะ Microcephaly ขึ้นในทารกที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อซิการะหว่างตั้งครรภ์ ภาวะนี้จะทำให้ทารกมีศีรษะเล็กกว่าปกติ และอาจมีปัญหาด้านพัฒนาการตามมาได้
การป้องกันโรคไข้ซิกาทำได้โดยหลีกเลี่ยงการถูกยุงกัด ยุงลายมักออกหากินในเวลากลางวัน การป้องกันสามารถทำได้ดังนี้
- สวมเสื้อผ้าที่ป้องกันยุงกัด เช่น สวมเสื้อแขนยาว กางขายาว สวมหมวก และสวมถุงเท้า
- ใช้ยากันยุงตามคำแนะนำของแพทย์
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น เปลี่ยนน้ำในภาชนะใส่น้ำทุกสัปดาห์ ปิดฝาภาชนะที่เก็บน้ำ อุดรูรั่วในบ้าน และกำจัดเศษขยะ
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่เดินทางหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและการป้องกันโรคไข้ซิกา