น้ำผึ้งมีน้ำตาลสูง
น้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (simple sugar) เป็นหลัก น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวเป็นน้ำตาลที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดปริมาณน้ำตาลในอาหารให้ไม่เกิน 50 กรัมต่อวัน หากผู้ป่วยเบาหวานกินน้ำผึ้งในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าระดับที่ร่างกายสามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต เป็นต้น
ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดปริมาณการบริโภคน้ำผึ้ง
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า ผู้ป่วยเบาหวานควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 50 กรัมต่อวัน ซึ่งเท่ากับน้ำผึ้งประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดปริมาณการบริโภคน้ำผึ้งให้ไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน หากต้องการรับประทานน้ำผึ้งมากกว่านี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อน
ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกน้ำผึ้งแท้ 100%
น้ำผึ้งแท้ 100% ประกอบด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวเป็นหลักเช่นเดียวกับน้ำผึ้งทั่วไป แต่น้ำผึ้งแท้ 100% ไม่มีน้ำตาลทรายหรือสารปรุงแต่งอื่นๆ ผสมอยู่ ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้
นอกจากนี้ น้ำผึ้งแท้ 100% อาจมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าน้ำผึ้งทั่วไป
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่กินน้ำผึ้ง
- ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนรับประทานน้ำผึ้ง
- ควรจำกัดปริมาณการบริโภคให้เหมาะสม โดยไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน
- ควรเลือกน้ำผึ้งแท้ 100% ที่ไม่ผสมน้ำตาลทรายหรือสารปรุงแต่งอื่นๆ
- ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา
ข้อควรระวังในการบริโภคน้ำผึ้ง
- ไม่ควรให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบรับประทานน้ำผึ้ง เนื่องจากน้ำผึ้งอาจมีสปอร์ของเชื้อโรคที่อาจทำให้เป็นโรคโบทูลิซึ่มได้
- ไม่ควรรับประทานน้ำผึ้งในปริมาณมากเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และอาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้
- ไม่ควรรับประทานน้ำผึ้งร่วมกับยาบางชนิด เนื่องจากอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาได้
สรุป
น้ำผึ้งเป็นอาหารที่มีน้ำตาลสูง ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดปริมาณการบริโภคน้ำผึ้งให้ไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน และควรเลือกน้ำผึ้งแท้ 100% ที่ไม่ผสมน้ำตาลทรายหรือสารปรุงแต่งอื่นๆ