10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเชื่อ HIV ทำความเข้าใจ ไม่เป็นโรค

10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเชื่อ HIV ทำความเข้าใจ ไม่เป็นโรค 01
  1. HIV คืออะไร

HIV (Human Immunodeficiency Virus) เป็นไวรัสที่ทำลายเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อระดับเม็ดเลือดขาว CD4 ลดลงจนต่ำมาก ร่างกายจะอ่อนแอลงและมีโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โรคนี้จึงถูกเรียกว่าโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (immunodeficiency)

  1. เชื้อ HIV ติดต่อได้อย่างไร

เชื้อ HIV ติดต่อได้จากการสัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองของผู้ติดเชื้อโดยตรง เช่น

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • การแชร์เข็มฉีดยา
  • จากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมแม่
  • การรับเลือดหรืออวัยวะจากผู้ติดเชื้อ

เชื้อ HIV ไม่สามารถติดต่อ จากการสัมผัสทั่วไป เช่น

  • การจับมือ การกอด การหอมแก้ม การจูบ
  • การรับประทานอาหารร่วมกัน
  • การใช้ห้องน้ำร่วมกัน
  • การสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัส
  1. อาการของการติดเชื้อ HIV

ในช่วง 2-4 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ในบางรายอาจมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต ฝี และผื่นขึ้น

หลังจากนั้น ผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการใดๆ เลยเป็นเวลาหลายปี เรียกว่า ระยะแฝง (latent period) ในช่วงนี้ เชื้อ HIV ยังคงอยู่ในร่างกายและสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้

เมื่อระดับเม็ดเลือดขาว CD4 ลดลงจนต่ำมาก ผู้ติดเชื้ออาจเริ่มมีอาการของโรคฉวยโอกาส (opportunistic infections) เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ มะเร็งบางชนิด เป็นต้น ในระยะนี้ เรียกว่า ระยะเอดส์ (AIDS)

  1. วิธีป้องกันการติดเชื้อ HIV

วิธีป้องกันการติดเชื้อ HIV มีดังนี้

  • การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โดยการใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีป้องกันการติดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูก
  • หลีกเลี่ยงการรับเลือดหรืออวัยวะจากผู้ติดเชื้อ
  1. การรักษาการติดเชื้อ HIV
10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเชื่อ HIV ทำความเข้าใจ ไม่เป็นโรค 03

ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีรักษาการติดเชื้อ HIV ให้หายขาด แต่สามารถควบคุมการติดเชื้อได้ด้วยการรับประทานยาต้านไวรัส (antiretroviral therapy) อย่างต่อเนื่อง ยาต้านไวรัสจะช่วยลดปริมาณเชื้อ HIV ในเลือด ทำให้ระดับเม็ดเลือดขาว CD4 เพิ่มขึ้นและร่างกายแข็งแรงขึ้น

ผู้ติดเชื้อ HIV ที่รับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจะมีสุขภาพแข็งแรงและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

  1. ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้

ด้วยการพัฒนาของยาต้านไวรัส ในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจะสามารถควบคุมการติดเชื้อได้ และไม่มีอาการของโรคเอดส์

  1. การตีตราผู้ติดเชื้อ HIV เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

ผู้ติดเชื้อ HIV ไม่ได้เป็นคนป่วยเป็นโรค เป็นเพียงผู้ที่ติดเชื้อ HIV และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเช่นเดียวกับคนทั่วไป การตีตราผู้ติดเชื้อ HIV เป็นการสร้างความเกลียดชังและทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV รู้สึกไม่สบายใจ

  1. การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค HIV เป็นสิ่งสำคัญ

การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค HIV จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจโรคนี้มากขึ้น และสามารถป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้ เราสามารถสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค HIV ได้ ดังนี้

  • เรียนรู้เกี่ยวกับโรค HIV
  • พูดคุยเกี่ยวกับโรค HIV อย่างเปิดกว้าง
  • สนับสนุนผู้ติดเชื้อ HIV
  1. ประเทศไทยมีงานวิจัยเกี่ยวกับโรค HIV อย่างต่อเนื่อง

ประเทศไทยมีงานวิจัยเกี่ยวกับโรค HIV อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาวิธีการรักษาและป้องกันการติดเชื้อ HIV ให้ดียิ่งขึ้น ในปัจจุบัน ประเทศไทยมียาต้านไวรัสหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ และสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัสได้ง่ายขึ้น

  1. โลกได้ก้าวหน้าไปมากในการควบคุมโรค HIV

โลกได้ก้าวหน้าไปมากในการควบคุมโรค HIV ในปัจจุบัน มีผู้คนทั่วโลกมากกว่า 38 ล้านคนที่ติดเชื้อ HIV และมากกว่า 25 ล้านคนได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ เป้าหมายขององค์การอนามัยโลกคือ การยุติการแพร่เชื้อ HIV ภายในปี 2030

สรุป

HIV เป็นไวรัสที่ทำลายเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้ด้วยการรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ การตีตราผู้ติดเชื้อ HIV เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค HIV เป็นสิ่งสำคัญ

Articles You Might Like

Share This Article

Get Your Weekly Sport Dose

Subscribe to TheWhistle and recieve notifications on new sports posts