- HIV คืออะไร
HIV (Human Immunodeficiency Virus) เป็นไวรัสที่ทำลายเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อระดับเม็ดเลือดขาว CD4 ลดลงจนต่ำมาก ร่างกายจะอ่อนแอลงและมีโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โรคนี้จึงถูกเรียกว่าโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (immunodeficiency)
- เชื้อ HIV ติดต่อได้อย่างไร
เชื้อ HIV ติดต่อได้จากการสัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองของผู้ติดเชื้อโดยตรง เช่น
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- การแชร์เข็มฉีดยา
- จากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมแม่
- การรับเลือดหรืออวัยวะจากผู้ติดเชื้อ
เชื้อ HIV ไม่สามารถติดต่อ จากการสัมผัสทั่วไป เช่น
- การจับมือ การกอด การหอมแก้ม การจูบ
- การรับประทานอาหารร่วมกัน
- การใช้ห้องน้ำร่วมกัน
- การสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัส
- อาการของการติดเชื้อ HIV
ในช่วง 2-4 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ในบางรายอาจมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต ฝี และผื่นขึ้น
หลังจากนั้น ผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการใดๆ เลยเป็นเวลาหลายปี เรียกว่า ระยะแฝง (latent period) ในช่วงนี้ เชื้อ HIV ยังคงอยู่ในร่างกายและสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้
เมื่อระดับเม็ดเลือดขาว CD4 ลดลงจนต่ำมาก ผู้ติดเชื้ออาจเริ่มมีอาการของโรคฉวยโอกาส (opportunistic infections) เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ มะเร็งบางชนิด เป็นต้น ในระยะนี้ เรียกว่า ระยะเอดส์ (AIDS)
- วิธีป้องกันการติดเชื้อ HIV
วิธีป้องกันการติดเชื้อ HIV มีดังนี้
- การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โดยการใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีป้องกันการติดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูก
- หลีกเลี่ยงการรับเลือดหรืออวัยวะจากผู้ติดเชื้อ
- การรักษาการติดเชื้อ HIV
ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีรักษาการติดเชื้อ HIV ให้หายขาด แต่สามารถควบคุมการติดเชื้อได้ด้วยการรับประทานยาต้านไวรัส (antiretroviral therapy) อย่างต่อเนื่อง ยาต้านไวรัสจะช่วยลดปริมาณเชื้อ HIV ในเลือด ทำให้ระดับเม็ดเลือดขาว CD4 เพิ่มขึ้นและร่างกายแข็งแรงขึ้น
ผู้ติดเชื้อ HIV ที่รับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจะมีสุขภาพแข็งแรงและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
- ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้
ด้วยการพัฒนาของยาต้านไวรัส ในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจะสามารถควบคุมการติดเชื้อได้ และไม่มีอาการของโรคเอดส์
- การตีตราผู้ติดเชื้อ HIV เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
ผู้ติดเชื้อ HIV ไม่ได้เป็นคนป่วยเป็นโรค เป็นเพียงผู้ที่ติดเชื้อ HIV และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเช่นเดียวกับคนทั่วไป การตีตราผู้ติดเชื้อ HIV เป็นการสร้างความเกลียดชังและทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV รู้สึกไม่สบายใจ
- การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค HIV เป็นสิ่งสำคัญ
การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค HIV จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจโรคนี้มากขึ้น และสามารถป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้ เราสามารถสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค HIV ได้ ดังนี้
- เรียนรู้เกี่ยวกับโรค HIV
- พูดคุยเกี่ยวกับโรค HIV อย่างเปิดกว้าง
- สนับสนุนผู้ติดเชื้อ HIV
- ประเทศไทยมีงานวิจัยเกี่ยวกับโรค HIV อย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยมีงานวิจัยเกี่ยวกับโรค HIV อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาวิธีการรักษาและป้องกันการติดเชื้อ HIV ให้ดียิ่งขึ้น ในปัจจุบัน ประเทศไทยมียาต้านไวรัสหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ และสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัสได้ง่ายขึ้น
- โลกได้ก้าวหน้าไปมากในการควบคุมโรค HIV
โลกได้ก้าวหน้าไปมากในการควบคุมโรค HIV ในปัจจุบัน มีผู้คนทั่วโลกมากกว่า 38 ล้านคนที่ติดเชื้อ HIV และมากกว่า 25 ล้านคนได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ เป้าหมายขององค์การอนามัยโลกคือ การยุติการแพร่เชื้อ HIV ภายในปี 2030
สรุป
HIV เป็นไวรัสที่ทำลายเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้ด้วยการรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ การตีตราผู้ติดเชื้อ HIV เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค HIV เป็นสิ่งสำคัญ