องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า สายพันธุ์โควิด-19 ใหม่ที่เรียกว่า XBB.1.16 หรือ “อาร์คทูรัส” (Arcturus) กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก สายพันธุ์นี้ถูกพบครั้งแรกในอินเดียในเดือนมกราคม 2566 และปัจจุบันพบแล้วในมากกว่า 50 ประเทศ
อาร์คทูรัสเป็นสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.10.1 และ BA.2.75 ซึ่งทั้งสองสายพันธุ์นี้แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและหลบภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
อาร์คทูรัสมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์โอมิครอนเดิมถึง 2 เท่า โดยการศึกษาบางชิ้นพบว่า อาร์คทูรัสมีความสามารถในการแพร่กระจายในอากาศได้มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนเดิมถึง 3 เท่า
นอกจากนี้ อาร์คทูรัสยังมีแนวโน้มที่จะหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่นๆ การศึกษาบางชิ้นพบว่า อาร์คทูรัสสามารถหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาได้มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนเดิมถึง 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความรุนแรงของสายพันธุ์อาร์คทูรัส WHO กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อประเมินความเสี่ยงของสายพันธุ์นี้
ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังจับตาดูการแพร่กระจายของสายพันธุ์อาร์คทูรัสอย่างใกล้ชิด โดยบางประเทศได้เริ่มดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเพิ่มเติม เช่น การเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ
อาการของสายพันธุ์อาร์คทูรัส
อาการของสายพันธุ์อาร์คทูรัส ส่วนใหญ่เหมือนกับสายพันธุ์อื่นๆ ของโควิด-19 ได้แก่
- ไข้สูง
- ไอ
- เจ็บคอ
- มีน้ำมูก
- จมูกไม่ได้กลิ่น
- ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย
อย่างไรก็ตาม รายงานบางชิ้นพบว่า สายพันธุ์อาร์คทูรัสอาจทำให้เกิดอาการเยื่อบุตาอักเสบได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ของโควิด-19
มาตรการป้องกัน
มาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ยังคงมีความสำคัญ แม้ว่าจะฉีดวัคซีนครบแล้วก็ตาม มาตรการเหล่านี้ ได้แก่
- สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ
- ล้างมือบ่อยๆ
- เว้นระยะห่างทางสังคม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย
นอกจากนี้ ควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามกำหนด เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีต่อโควิด-19