สาเหตุการระบาด
โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 เชื้อไวรัสเดงกี่จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการกัดของยุงลายตัวเมียที่ติดเชื้อ ยุงลายตัวเมียจะกัดคนที่มีเชื้อแล้วนำเชื้อไปติดคนอื่นต่อไป ยุงลายตัวเมียจะพบมากในช่วงฤดูฝน ซึ่งจะแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน
อาการ
ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมักมีอาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งอาจมีอาการตาแดงร่วมด้วย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ภาวะช็อกจากเลือดออก ภาวะเลือดออกในสมอง และเสียชีวิตได้
การป้องกัน
การป้องกันโรคไข้เลือดออกสามารถทำได้ดังนี้
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น ภาชนะใส่น้ำขังในบ้านและรอบบ้าน ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่อเลี้ยงสัตว์ ยางรถยนต์เก่า กระถางต้นไม้ เป็นต้น
- ใส่เสื้อผ้าแขนยาวและขายาวป้องกันยุงกัด โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุงลายออกหากิน
- ทายากันยุง
- ฉีดพ่นยาฆ่ายุง
แนวทางการรักษา
ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาแก้อาเจียน และน้ำเกลือ
ข้อควรระวัง
ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกไม่ควรซื้อยาแก้ปวดกินเอง เนื่องจากยาแก้ปวดบางชนิดอาจทำให้อาการแย่ลงได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาใดๆ
คำแนะนำประชาชน
ประชาชนควรช่วยกันป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
รายละเอียดเพิ่มเติม
- สาเหตุการระบาด
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากยุงลายตัวเมียสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก ส่งผลให้มีน้ำขังตามภาชนะต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
- อาการ
อาการของโรคไข้เลือดออกมักเริ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งอาจมีอาการตาแดงร่วมด้วย หากผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที
- การป้องกัน
การป้องกันโรคไข้เลือดออกสามารถทำได้โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
* เก็บภาชนะใส่น้ำขังในบ้านและรอบบ้านให้มิดชิด
* เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้และภาชนะใส่น้ำอื่นๆ ทุกสัปดาห์
* ปิดฝาถังน้ำและตุ่มน้ำ
* หมั่นคว่ำภาชนะที่ใส่น้ำทิ้งไว้ให้แห้ง
* กำจัดยางรถยนต์เก่า กระถางต้นไม้ เป็นต้น
- แนวทางการรักษา
ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาแก้อาเจียน และน้ำเกลือ
- ข้อควรระวัง
ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกไม่ควรซื้อยาแก้ปวดกินเอง เนื่องจากยาแก้ปวดบางชนิดอาจทำให้อาการแย่ลงได้ เช่น ยาในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน รวมถึงยาชุดแก้ปวด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาใดๆ
- คำแนะนำประชาชน
ประชาชนควรช่วยกันป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
คำแนะนำเพิ่มเติม
นอกจากการป้องกันและรักษาโรคไข้เลือดออกแล้ว ประชาชนควรหมั่นสังเกตอาการของตนเองและคนในครอบครัว หากมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที