ยอดป่วย ‘ไข้เลือดออก’ ทะลุแสน ติด 5 ขวบยันวัยทำงาน เตือนหยุดซื้อยาแก้ปวดกินเอง

ยอดป่วย 'ไข้เลือดออก' ทะลุแสน ติด 5 ขวบยันวัยทำงาน เตือนหยุดซื้อยาแก้ปวดกินเอง 01

สาเหตุการระบาด

โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 เชื้อไวรัสเดงกี่จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการกัดของยุงลายตัวเมียที่ติดเชื้อ ยุงลายตัวเมียจะกัดคนที่มีเชื้อแล้วนำเชื้อไปติดคนอื่นต่อไป ยุงลายตัวเมียจะพบมากในช่วงฤดูฝน ซึ่งจะแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน

อาการ

ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมักมีอาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งอาจมีอาการตาแดงร่วมด้วย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ภาวะช็อกจากเลือดออก ภาวะเลือดออกในสมอง และเสียชีวิตได้

การป้องกัน

การป้องกันโรคไข้เลือดออกสามารถทำได้ดังนี้

  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น ภาชนะใส่น้ำขังในบ้านและรอบบ้าน ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่อเลี้ยงสัตว์ ยางรถยนต์เก่า กระถางต้นไม้ เป็นต้น
  • ใส่เสื้อผ้าแขนยาวและขายาวป้องกันยุงกัด โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุงลายออกหากิน
  • ทายากันยุง
  • ฉีดพ่นยาฆ่ายุง

แนวทางการรักษา

ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาแก้อาเจียน และน้ำเกลือ

ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกไม่ควรซื้อยาแก้ปวดกินเอง เนื่องจากยาแก้ปวดบางชนิดอาจทำให้อาการแย่ลงได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาใดๆ

คำแนะนำประชาชน

ประชาชนควรช่วยกันป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • สาเหตุการระบาด

โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากยุงลายตัวเมียสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก ส่งผลให้มีน้ำขังตามภาชนะต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

  • อาการ

อาการของโรคไข้เลือดออกมักเริ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งอาจมีอาการตาแดงร่วมด้วย หากผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที

  • การป้องกัน

การป้องกันโรคไข้เลือดออกสามารถทำได้โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

* เก็บภาชนะใส่น้ำขังในบ้านและรอบบ้านให้มิดชิด

* เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้และภาชนะใส่น้ำอื่นๆ ทุกสัปดาห์

* ปิดฝาถังน้ำและตุ่มน้ำ

* หมั่นคว่ำภาชนะที่ใส่น้ำทิ้งไว้ให้แห้ง

* กำจัดยางรถยนต์เก่า กระถางต้นไม้ เป็นต้น

  • แนวทางการรักษา

ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาแก้อาเจียน และน้ำเกลือ

  • ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกไม่ควรซื้อยาแก้ปวดกินเอง เนื่องจากยาแก้ปวดบางชนิดอาจทำให้อาการแย่ลงได้ เช่น ยาในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน รวมถึงยาชุดแก้ปวด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาใดๆ

  • คำแนะนำประชาชน

ประชาชนควรช่วยกันป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

คำแนะนำเพิ่มเติม

นอกจากการป้องกันและรักษาโรคไข้เลือดออกแล้ว ประชาชนควรหมั่นสังเกตอาการของตนเองและคนในครอบครัว หากมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที

Articles You Might Like

Share This Article

Get Your Weekly Sport Dose

Subscribe to TheWhistle and recieve notifications on new sports posts