แปรงฟันอย่างถูกวิธี
การแปรงฟันอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการกำจัดกลิ่นปาก แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แปรงฟันให้ทั่วถึงทุกซอกมุมฟัน แปรงฟันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาที แปรงฟันให้เบามือ ไม่ควรแปรงฟันแรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้เหงือกอักเสบได้
การแปรงฟันอย่างถูกวิธีทำได้ดังนี้
- แปรงฟันจากขอบเหงือกด้านนอกไปยังด้านใน
- แปรงฟันจากด้านในไปยังด้านนอก
- แปรงฟันจากด้านบดเคี้ยวขึ้นลง
- แปรงลิ้นเพื่อขจัดเศษอาหารและแบคทีเรีย
ใช้ไหมขัดฟัน
ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดซอกฟันที่แปรงฟันไม่ถึง ไหมขัดฟันควรมีขนาดพอดีกับซอกฟัน ไม่แน่นหรือหลวมเกินไป ใช้ไหมขัดฟันพันรอบนิ้วชี้และนิ้วกลาง แล้วสอดเข้าไปในซอกฟันให้ลึกถึงขอบเหงือก จากนั้นขยับไหมขัดฟันขึ้นลงเบาๆ เพื่อขจัดเศษอาหารและแบคทีเรีย
ใช้น้ำยาบ้วนปาก
น้ำยาบ้วนปากช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก น้ำยาบ้วนปากควรใช้หลังจากแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันแล้ว น้ำยาบ้วนปากควรใช้ประมาณ 20-30 วินาที แล้วบ้วนทิ้ง
ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุ ยาสีฟันควรใช้ปริมาณพอเหมาะ ประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ เห็ด ถั่ว เมล็ดพืช หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม กาแฟ ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำช่วยชะล้างเศษอาหารและแบคทีเรียในช่องปาก ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
งดสูบบุหรี่
บุหรี่ทำให้ปากแห้งและทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย งดสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดกลิ่นปาก
รักษาโรคเหงือกและฟัน
หากมีโรคเหงือกและฟัน ควรรีบรักษาให้หายขาด โรคเหงือกและฟันเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของกลิ่นปาก
พบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
พบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน ทันตแพทย์สามารถตรวจหาสาเหตุของกลิ่นปากและแนะนำการรักษาที่เหมาะสม
นอกจากวิธีข้างต้นแล้ว ยังมีวิธีอื่นที่ช่วยลดกลิ่นปากได้ เช่น
- เคี้ยวหมากฝรั่งแบบไม่มีน้ำตาล
- หมั่นบ้วนปาก
- ดื่มน้ำยาบ้วนปากก่อนนอน
- ใช้น้ำเกลือบ้วนปาก
- ใช้ถ่านกัมมันต์ขัดฟัน
- ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย
หากทำตามวิธีข้างต้นแล้วยังมีกลิ่นปากอยู่ ควรพบทันตแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
