ไขสงสัย “กินน้ำอสุจิ” เสี่ยงติดโรคจริงไหม?

ไขสงสัย กินน้ำอสุจิเสี่ยงติดโรคจริงไหม

น้ำอสุจิเป็นของเหลวที่หลั่งออกมาจากอัณฑะของเพศชาย ประกอบด้วยตัวอสุจิ โปรตีน น้ำตาล วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ น้ำอสุจิสามารถปนเปื้อนเชื้อโรคได้หลายชนิด ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้หลั่งน้ำอสุจิ เช่น

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เช่น โรคหนองใน ซิฟิลิส เริม กามโรคอักเสบ ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • การติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสเอชไอวี

ดังนั้น การกินน้ำอสุจิจึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดโรคได้ โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจมีอาการรุนแรงได้ เช่น โรคหนองในอาจทำให้เกิดอาการปวดปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะเป็นหนอง ส่วนโรคซิฟิลิสอาจทำให้เกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศหรือลำคอ โรคเริมอาจทำให้เกิดแผลพุพองบริเวณอวัยวะเพศหรือลำคอ

อย่างไรก็ตาม การกินน้ำอสุจิมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดโรคน้อยมาก เนื่องจากในกระเพาะอาหารมีกรดที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ อย่างไรก็ตาม หากผู้หลั่งน้ำอสุจิมีสุขภาพไม่ดี มีการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือมีบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศ การกินน้ำอสุจิก็อาจทำให้เสี่ยงที่จะติดโรคได้

เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรคจากกินน้ำอสุจิ สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกคู่นอนที่มั่นใจว่าไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำอสุจิโดยตรง หากผู้หลั่งน้ำอสุจิมีบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศ

หากสงสัยว่าอาจติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม

Articles You Might Like

Share This Article

Get Your Weekly Sport Dose

Subscribe to TheWhistle and recieve notifications on new sports posts