โรคไอกรน โรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ที่กำลังระบาดหนัก!!!

โรคไอกรน โรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก 02 (1)


โรคไอกรน
เป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากแบคทีเรีย Bordetella pertussis โรคนี้ทำให้เกิดอาการไออย่างรุนแรงและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ โรคไอกรนสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน

อาการของโรคไอกรน

อาการของโรคไอกรนจะแตกต่างกันไปตามระยะของโรค

ระยะฟักตัว

ระยะฟักตัวคือช่วงเวลาระหว่างที่สัมผัสเชื้อโรคกับเริ่มมีอาการ ระยะฟักตัวของโรคไอกรนจะอยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน

ระยะก่อนไอ

ระยะก่อนไอจะมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไอแห้งๆ จาม มีน้ำมูก อาจมีไข้ต่ำๆ

ระยะไอ

ระยะไอจะเป็นระยะที่มีอาการรุนแรงที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการไอรุนแรงเป็นชุดๆ แต่ละชุดจะมีตั้งแต่ 5-10 ครั้ง หรือมากกว่านั้น ผู้ป่วยจะไอจนหายใจไม่ทัน และมักจะมีเสียงไอดัง “วู๊ป” ในตอนท้ายของชุดการไอ ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียน ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย

ระยะฟื้นตัว

ระยะฟื้นตัวจะเริ่มหลังจากที่อาการไอเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการไอหลงเหลืออยู่ได้หลายสัปดาห์

ภาวะแทรกซ้อนของโรคไอกรน

โรคไอกรนอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่

  • ปอดบวม
  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
  • โรคหูชั้นกลางอักเสบ
  • เลือดออกในสมอง
  • เสียชีวิต

การป้องกันโรคไอกรน

โรคไอกรนสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน วัคซีนป้องกันโรคไอกรนจะรวมอยู่ในวัคซีนรวม DTaP ซึ่งประกอบด้วยวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน และบาดทะยัก วัคซีน DTaP แนะนำให้ฉีด 5 ครั้งดังนี้

  • ครั้งแรก ทารกอายุ 2 เดือน
  • ครั้งที่สอง ทารกอายุ 4 เดือน
  • ครั้งที่สาม ทารกอายุ 6 เดือน
  • ครั้งที่สี่ อายุ 15-18 เดือน
  • ครั้งที่ห้า อายุ 4-6 ปี

การรักษาโรคไอกรน

การรักษาโรคไอกรนมักเป็นการรักษาตามอาการ เช่น

  • ให้ยาแก้ไอ
  • ให้ยาลดไข้
  • ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรค

นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำให้มาก

Articles You Might Like

Share This Article

Get Your Weekly Sport Dose

Subscribe to TheWhistle and recieve notifications on new sports posts