มะเร็งปอดมีโอกาสพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แม้ไม่เคยสูบบุหรี่ สาเหตุหลักของมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่ ซึ่งพบได้ประมาณ 80% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดทั้งหมด แต่ผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลยก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่สัมผัสควันบุหรี่ (second-hand smoking) และผู้ที่เคยรับสารพิษจากการสูดดมเมื่ออายุน้อย ๆ
รายงานจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Cancer Institute) พบว่า อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดในผู้หญิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2022 มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 3 ในผู้หญิง และอันดับ 1 ในผู้ชาย
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอดในผู้หญิง ได้แก่
- การสูบบุหรี่หรือสัมผัสควันบุหรี่
- ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด
- โรคอ้วน
- ภาวะดื้ออินซูลิน
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
- มลภาวะทางอากาศ
- รังสี
- สารเคมีบางชนิด เช่น อะโครเลนีน (acrolein) และเบนซีน (benzene)
อาการของมะเร็งปอดมักไม่ปรากฏให้เห็นในระยะแรก เมื่อมะเร็งลุกลามแล้วผู้ป่วยอาจมีอาการดังนี้
- ไอเรื้อรัง
- ไอมีเลือดปน
- หายใจลำบาก
- เจ็บหน้าอก
- เสียงแหบ
- เหนื่อยง่าย
- น้ำหนักลด
การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดสามารถทำได้ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low-dose computerized tomography หรือ Low-dose CT) โดยแนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีประวัติสูบบุหรี่หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองทุกปี
วิธีป้องกันมะเร็งปอดที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังนี้
- ไม่สูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่
- ควบคุมน้ำหนัก
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
หากมีอาการที่สงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งปอด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม