โดยทั่วไป ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฉีดวัคซีนคือ ในช่วงเช้า เนื่องจากร่างกายมีอุณหภูมิและระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกว่าในช่วงอื่นๆ ของวัน ส่งผลให้ร่างกายสามารถตอบสนองต่อวัคซีนได้ดีขึ้นและสร้างภูมิคุ้มกันได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ช่วงเวลาเช้ายังเป็นช่วงที่ร่างกายมีระดับความเครียดต่ำกว่าช่วงอื่นๆ ของวัน ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนได้เช่นกัน
- อุณหภูมิร่างกาย อุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากเซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีที่อุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นในช่วงเช้าหลังจากตื่นนอน
- ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้ดีในช่วงเช้า เนื่องจากร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงกลางคืน ทำให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอในการสร้างภูมิคุ้มกัน
- ระดับความเครียด ระดับความเครียดที่ต่ำจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพของวัคซีน เนื่องจากความเครียดจะส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาในการฉีดวัคซีนนั้นไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนมากนัก ดังนั้น หากไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ในช่วงเช้า ก็ยังสามารถฉีดได้ในช่วงอื่นๆ ของวันเช่นกัน
สำหรับประเทศไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่าให้ฉีดวัคซีนในช่วงเช้า ระหว่างเวลา 08.00-12.00 น. เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีอุณหภูมิและระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกว่า
นอกจากช่วงเวลาในการฉีดวัคซีนแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน เช่น
- สุขภาพร่างกายของผู้รับวัคซีน หากผู้รับวัคซีนมีสุขภาพแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันก็จะทำงานได้ดีและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนได้ดีกว่า
- ปริมาณของวัคซีน หากได้รับวัคซีนในปริมาณที่เพียงพอ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่า
- ชนิดของวัคซีน วัคซีนบางชนิดอาจมีประสิทธิภาพดีกว่าวัคซีนชนิดอื่น
- วิธีการฉีดวัคซีน หากฉีดวัคซีนอย่างถูกต้องและเหมาะสม ระบบภูมิคุ้มกันก็จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่า
ดังนั้น เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากวัคซีน ควรฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอsharemore_vert