วิธีเก็บเงินมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและนิสัยการใช้จ่ายของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว วิธีเก็บเงินที่ได้ผลดีมีดังนี้
- แบ่งสัดส่วนเงินให้ชัดเจน
เป็นวิธีพื้นฐานที่จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการเงินของเราว่าแต่ละเดือนมีรายได้เท่าไหร่ ใช้จ่ายเท่าไหร่ และเหลือเท่าไหร่สำหรับการออม โดยปกติแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้แบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน คือ
- ค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัว เป็นต้น
- เงินออม
เราสามารถเลือกแบ่งสัดส่วนเงินตามเป้าหมายของเราได้ เช่น หากต้องการออมเงินเพื่อซื้อบ้าน อาจแบ่งเงินออมเป็น 50% ของรายได้ เป็นต้น
- ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
การจดบัญชีรายรับ-รายจ่ายจะช่วยให้เรามองเห็นรายละเอียดของค่าใช้จ่ายต่างๆ ของเราได้ชัดเจนขึ้น และทำให้เราสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเราสามารถจดบัญชีรายรับ-รายจ่ายด้วยตนเองหรือใช้แอปพลิเคชันช่วยก็ได้
- มีบัญชีเก็บออมเงินแยกต่างหาก
การมีบัญชีเก็บออมเงินแยกต่างหากจะช่วยให้เราเก็บเงินได้ง่ายขึ้น เพราะหากเรานำเงินไปรวมกับบัญชีที่ใช้ใช้จ่ายประจำ เราก็อาจเผลอใช้เงินออมไปโดยไม่รู้ตัว
- ออมก่อนใช้
การออมก่อนใช้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บเงิน เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ามีเงินออมแน่นอน โดยเราสามารถหักเงินออมออกจากเงินเดือนทันทีที่ได้รับ หรือตั้งค่าการหักเงินออมอัตโนมัติผ่านบัญชีธนาคาร
- ลดหนี้ลง
การมีหนี้สินจะทำให้เรามีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้น การลดหนี้ลงจะช่วยให้เรามีเงินเหลือมากขึ้นสำหรับเก็บออม
- หารายได้เพิ่ม
หากเราต้องการออมเงินให้ได้มากขึ้น เราก็สามารถหารายได้เพิ่มได้ เช่น ทำงานพิเศษ ลงทุน เป็นต้น
นอกจากวิธีเก็บเงินข้างต้นแล้ว เรายังสามารถใช้วิธีอื่นๆ ที่ช่วยให้เราเก็บเงินได้มากขึ้น เช่น
- ตั้งเป้าหมายการออม เช่น ต้องการออมเงินเพื่อซื้อบ้านภายใน 5 ปี เป็นต้น
- หาวิธีลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- วางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ
การออมเงินเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรามีความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ดังนั้น เราควรเริ่มออมเงินตั้งแต่วันนี้ โดยเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเราและพยายามทำตามอย่างต่อเนื่อง