บุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่มวนต่างก็ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปอด อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการก่อมะเร็งปอดน้อยกว่าบุหรี่มวน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ามีปริมาณสารก่อมะเร็งน้อยกว่าบุหรี่มวน ตัวอย่างเช่น บุหรี่ไฟฟ้ามีปริมาณสารก่อมะเร็งกลุ่ม Tobacco-Specific Nitrosamines (TSNAs) น้อยกว่าบุหรี่มวนถึง 95% นอกจากนี้ ไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้ายังมีขนาดอนุภาคที่เล็กกว่าบุหรี่มวน ทำให้สามารถถูกสูดเข้าไปในปอดส่วนลึกได้น้อยกว่าบุหรี่มวน จึงมีโอกาสน้อยที่จะสัมผัสกับสารก่อมะเร็งในปริมาณสูง
อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงมีความเสี่ยงในการก่อมะเร็งปอดอยู่ เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ามีสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (volatile organic compounds) เช่น เบนซีน (benzene) และโทลูอีน (toluene) ซึ่งก็เป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังอาจทำให้เกิดความผิดปกติของเยื่อบุทางเดินหายใจและปอด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดในระยะยาวได้
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดต่ำกว่าผู้ที่สูบบุหรี่มวน แต่ก็ยังสูงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เลย โดยการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เลย อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยชิ้นนี้ยังพบด้วยว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานานกว่า 5 ปี มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นมากกว่าผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลาน้อยกว่า 5 ปี
บุหรี่มวน
บุหรี่มวนเป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปอด โดยประมาณว่าบุหรี่มวนเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอดสูงถึงร้อยละ 80 – 90 การสูบบุหรี่ส่งผลให้เกิดการอักเสบและทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจและปอด ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายพันธุ์ของเซลล์และกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้
สารก่อมะเร็งในบุหรี่มวนมีหลายชนิด ได้แก่
- สารก่อมะเร็งกลุ่ม Tobacco-Specific Nitrosamines (TSNAs) ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของใบยาสูบ
- สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (volatile organic compounds) เช่น เบนซีน (benzene) และโทลูอีน (toluene) ซึ่งก็เป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน
- สารปรอท (mercury)
- สารตะกั่ว (lead)
- สารหนู (arsenic)
สารก่อมะเร็งเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายผ่านการสูดดมควันบุหรี่และสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปาก มะเร็งคอหอย มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งลำไส้ใหญ่
บุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการก่อมะเร็งปอดน้อยกว่าบุหรี่มวน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ามีปริมาณสารก่อมะเร็งน้อยกว่าบุหรี่มวน ตัวอย่างเช่น บุหรี่ไฟฟ้ามีปริมาณสารก่อมะเร็งกลุ่ม TSNAs น้อยกว่าบุหรี่มวนถึง 95% นอกจากนี้ ไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้ายังมีขนาดอนุภาคที่เล็กกว่าบุหรี่มวน ทำให้สามารถถูกสูดเข้าไปในปอดส่วนลึกได้น้อยกว่าบุหรี่มวน จึงมีโอกาสน้อยที่จะสัมผัสกับสารก่อมะเร็งในปริมาณสูง
อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงมีความเสี่ยงในการก่อมะเร็งปอดอยู่ เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ามีสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (volatile organic compounds) เช่น เบนซีน (benzene) และโทลูอีน (toluene) ซึ่งก็เป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังอาจทำให้เกิดความผิดปกติของเยื่อบุทางเดินหายใจและปอด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดในระยะยาวได้
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดต่ำกว่าผู้ที่สูบบุหรี่มวน แต่ก็ยังสูงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เลย โดยการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เลย อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยชิ้นนี้ยังพบด้วยว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานานกว่า 5 ปี มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นมากกว่าผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลาน้อยกว่า 5 ปี
สรุป
บุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่มวนต่างก็ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปอด อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงในการก่อมะเร็งปอดน้อยกว่าบุหรี่มวน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ามีปริมาณสารก่อมะเร็งน้อยกว่าบุหรี่มวน อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงมีความเสี่ยงในการก่อมะเร็งปอดอยู่ จึงควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่มวนทุกชนิด หากต้องการเลิกบุหรี่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการเลิกบุหรี่
คำแนะนำ
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่มวน ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่มวนทุกชนิด หากต้องการเลิกบุหรี่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการเลิกบุหรี่