1. เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสม
การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA++++ ซึ่งสามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ครอบคลุม รังสี UVA เป็นรังสีที่ทะลุทะลวงเข้าสู่ชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้า ทำให้เกิดริ้วรอย ฝ้ากระ และมะเร็งผิวหนัง ส่วนรังสี UVB เป็นรังสีที่ทำให้เกิดผิวไหม้และจุดด่างดำ
นอกจากนี้ ควรเลือกครีมกันแดดที่เป็นชนิดกันน้ำและกันเหงื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำและเหงื่อทำให้ครีมกันแดดหลุดออกง่าย โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มีคำว่า “Waterproof” หรือ “Water Resistant” ระบุไว้บนฉลาก
2. ทาครีมกันแดดให้ทั่ว
ควรทาครีมกันแดดให้ทั่วทั้งตัว อย่างน้อย 20 นาทีก่อนออกแดด เพื่อให้ครีมกันแดดมีเวลาซึมเข้าสู่ผิวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาครีมกันแดดบริเวณที่ไวต่อแสงเป็นพิเศษ เช่น ใบหน้า ใบหู ริมฝีปาก คอ และหลังมือ
3. ทาครีมกันแดดซ้ำบ่อยๆ
ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นหากว่าต้องว่ายน้ำหรือเหงื่อออกมาก เนื่องจากครีมกันแดดอาจหลุดออกได้ง่ายจากการสัมผัสกับน้ำหรือเหงื่อ
4. สวมใส่เสื้อผ้าป้องกันแสงแดด
นอกจากการทาครีมกันแดดแล้ว ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดดด้วย เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวก แว่นกันแดด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับรังสี UV โดยตรง
5. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแสงแดดจัดเป็นเวลานาน
แม้จะทาครีมกันแดดและสวมใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดดแล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแสงแดดจัดเป็นเวลานาน เช่น กลางแจ้ง กลางแดดจ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวได้รับรังสี UV มากเกินไป
นอกจากนี้ ควรดูแลผิวหลังออกแดดด้วย โดยอาบน้ำชำระล้างเหงื่อและครีมกันแดดออกให้สะอาด และทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยลดริ้วรอยและความหมองคล้ำที่เกิดจากแสงแดด
ข้อควรระวังในการทาครีมกันแดด
- ไม่ควรทาครีมกันแดดบริเวณที่มีแผลหรือผิวที่ระคายเคือง
- หากมีอาการแพ้ครีมกันแดด ควรหยุดใช้ทันที
- ไม่ควรเก็บครีมกันแดดในที่ที่มีความร้อนหรือแสงแดดจัด
ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพกติดตัวเสมอเมื่อต้องออกแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวไหม้ ฝ้ากระ ริ้วรอย และมะเร็งผิวหนัง