ธุรกิจคอนเทนต์เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคมีความต้องการคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายมากขึ้น
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เป็นผู้นำในธุรกิจคอนเทนต์ของประเทศไทย โดยให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งคอนเทนต์บันเทิง คอนเทนต์สารคดี และคอนเทนต์การศึกษา
ธุรกิจหลักของ JKN ได้แก่
- ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศ โดย JKN เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไทยและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เช่น ละครไทย ภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์ต่างประเทศ รายการโทรทัศน์ การ์ตูน ฯลฯ ซึ่ง JKN จำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้กับสถานีโทรทัศน์ แพลตฟอร์ม OTT และช่องทางอื่นๆ
- ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังต่างประเทศ โดย JKN จำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไทยไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ฯลฯ
- ธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้า โดย JKN ให้บริการเวลาโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าให้กับสถานีโทรทัศน์และแพลตฟอร์ม OTT
- ธุรกิจให้บริการด้านดิจิทัล โดย JKN ให้บริการด้านดิจิทัลต่างๆ เช่น การผลิตคอนเทนต์ดิจิทัล การเผยแพร่คอนเทนต์ดิจิทัล ฯลฯ
วันที่ 11 กันยายน 2566 หุ้น JKN ปิดตลาดที่ 1.37 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 17.09% จากราคาปิดก่อนหน้าที่ 1.17 บาทต่อหุ้น
ข่าวหุ้น JKN วันนี้ ได้แก่
- JKN ปิดตลาดพุ่ง 17% รับข่าวดีศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ผู้บริหารพ้นบัญชีดำ
- JKN แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ผู้บริหารพ้นบัญชีดำ
- JKN ปิดพุ่ง 17% รับข่าวดีศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ผู้บริหารพ้นบัญชีดำ
ข่าวดีที่ทำให้ราคาหุ้น JKN ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ คือ ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวผู้บริหารบริษัท JKN ไม่ให้ถูกบังคับขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดภายในวันที่ 22 กันยายน 2566 เนื่องจากผู้บริหารบริษัท JKN อยู่ระหว่างการถูกฟ้องร้องคดีแพ่งจากบริษัทแห่งหนึ่ง
คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวถือเป็นข่าวดีสำหรับบริษัท JKN เนื่องจากจะทำให้ผู้บริหารของบริษัทสามารถบริหารงานได้ตามปกติ และสามารถดำเนินการต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อไปได้
นอกจากนี้ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารของบริษัท JKN มีความน่าเชื่อถือ และบริษัท JKN ยังมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น JKN ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 11 กันยายน 2566 ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.37 บาทต่อหุ้น สาเหตุที่ราคาหุ้น JKN ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากปัจจัยหลัก 2 ประการ ได้แก่
- ปัญหาด้านการเงินของบริษัท โดยบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตามกำหนด
ปัญหาด้านการเงินของบริษัทนั้น เกิดจากสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่
* การลงทุนในธุรกิจคอนเทนต์ต่างประเทศที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
* รายได้จากธุรกิจคอนเทนต์ที่เติบโตไม่สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย
- การแข่งขันในธุรกิจคอนเทนต์ที่รุนแรงขึ้น จากการที่ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การแข่งขันในธุรกิจคอนเทนต์ที่รุนแรงขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่
* สื่อและเทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น
* ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เหล่านี้มีศักยภาพและทรัพยากรที่เพียงพอในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่
นอกจากนี้ หุ้น JKN ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ อยู่บ้าง ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้บริโภค เช่น ผู้บริโภคอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคสื่อจากสื่อดั้งเดิมมาสู่สื่อดิจิทัล
- นโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคอนเทนต์ เช่น นโยบายกำกับดูแลธุรกิจคอนเทนต์
- ภาวะเศรษฐกิจมหภาค
โดยสรุปแล้ว หุ้น JKN เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ผู้ที่สนใจลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงต่างๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน