การกินเค็มจัดทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ
การได้รับโซเดียมมากเกินไปจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอติซอล ซึ่งฮอร์โมนคอติซอลจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย การอักเสบเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2
การกินเค็มจัดทำให้ไตทำงานหนักขึ้น
ไตมีหน้าที่ในการขับโซเดียมออกจากร่างกาย เมื่อได้รับโซเดียมมากเกินไป ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นในการขับโซเดียมออก ซึ่งอาจทำให้ไตทำงานผิดปกติและเกิดโรคไตเรื้อรังได้ โรคไตเรื้อรังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2
การกินเค็มจัดทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลกลูโคสได้มากขึ้น
การได้รับโซเดียมมากเกินไปจะเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกาย ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลกลูโคสได้มากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
แนวทางในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานจากการกินเค็มจัด
แนวทางในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานจากการกินเค็มจัด ได้แก่
- จำกัดปริมาณการบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าผู้ใหญ่ควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน คนไทยโดยเฉลี่ยบริโภคโซเดียมประมาณ 3,600-4,200 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งสูงเกินกว่าที่ WHO แนะนำ
- หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น
อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง และขนมขบเคี้ยวมักมีโซเดียมสูง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงหรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมต่ำ
- ปรุงอาหารโดยใช้เครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมต่ำ เช่น น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว เป็นต้น
น้ำปลา ซีอิ๊วขาว และน้ำมะนาวเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารที่มีโซเดียมต่ำ สามารถใช้แทนเกลือได้
- เลือกรับประทานอาหารที่มีรสชาติหลากหลาย เช่น หวาน เปรี้ยว เผ็ด เป็นต้น
การรับประทานอาหารที่มีรสชาติหลากหลายจะช่วยให้ลดความชอบในการรับประทานอาหารรสเค็ม
สรุป
การกินเค็มจัดสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้หลายทาง ดังนั้นควรจำกัดปริมาณการบริโภคโซเดียมให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง