1. แยกผ้าก่อนซัก
ผ้าแต่ละประเภทมีเนื้อผ้าและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรแยกผ้าก่อนซัก เพื่อไม่ให้สีตกหรือผ้าเสียหาย โดยแยกผ้าออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- ผ้าขาว : ผ้าขาวทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน และผ้าไหม
- ผ้าสี : ผ้าสีทำจากเส้นใยธรรมชาติหรือเส้นใยสังเคราะห์
- ผ้าขนสัตว์ : ผ้าขนสัตว์ทำจากเส้นใยขนสัตว์ เช่น แกะ อัลปาก้า และลามะ
- ผ้าไหม : ผ้าไหมทำจากเส้นใยไหม
- ผ้ายีนส์ : ผ้ายีนส์ทำจากเส้นใยฝ้าย
นอกจากนี้ ควรแยกผ้าที่มีคราบหนัก เช่น คราบเลือด คราบน้ำมัน หรือคราบเครื่องสำอางออกต่างหาก เพื่อทำความสะอาดคราบอย่างมีประสิทธิภาพ
2. กลับด้านผ้า
การกลับด้านผ้าก่อนซัก จะช่วยให้ผ้าไม่เสียทรงและช่วยให้ผ้าสะอาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าที่มีเนื้อผ้าบางและละเอียด เช่น ผ้าไหม ผ้าลินิน และผ้าใยสังเคราะห์
3. เลือกผงซักฟอกให้เหมาะสม
ควรเลือกผงซักฟอกให้เหมาะสมกับประเภทของผ้าและระดับความสกปรก โดยผงซักฟอกแบบน้ำจะเหมาะกับผ้าเนื้อละเอียด เช่น ผ้าไหม ผ้าลินิน และผ้าใยสังเคราะห์ ส่วนผงซักฟอกแบบก้อนจะเหมาะกับผ้าเนื้อหยาบ เช่น ผ้ายีนส์ ผ้าฝ้าย และผ้าขนสัตว์
นอกจากนี้ ควรใช้ผงซักฟอกในปริมาณที่พอเหมาะ โดยไม่ควรใช้ผงซักฟอกมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผ้าแข็งกระด้างและเกิดฟองมากเกินไปจนทำให้เครื่องซักผ้าทำงานหนัก
4. ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม
น้ำยาปรับผ้านุ่มจะช่วยช่วยให้ผ้านุ่มฟูและหอมนานขึ้น โดยเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นที่ชอบ
นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับในการซักผ้าให้หอมเพิ่มเติมดังนี้
- ใส่น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยลงในน้ำสุดท้ายของการซัก เพื่อช่วยให้ผ้านุ่มฟูและขจัดกลิ่นอับ
- ใส่เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยลงในน้ำสุดท้ายของการซัก เพื่อช่วยให้ผ้าสะอาดขึ้นและขจัดกลิ่นอับ
- ใส่น้ำมันหอมระเหย 10 หยดลงในน้ำสุดท้ายของการซัก เพื่อช่วยให้ผ้าหอมนานขึ้น
5. ตากผ้าในที่ร่ม
การตากผ้าในที่ร่มหรือตากผ้าให้แห้งสนิทก่อนเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า จะช่วยให้ผ้าไม่มีกลิ่นอับ
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการตากผ้ากลางแดดจัด เพราะอาจทำให้สีผ้าซีดจางและทำให้ผ้าหดตัวได้