วัคซีนมะเร็งปากมดลูก คือ วัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก วัคซีนนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้หลายสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 16 และ 18
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกมี 2 ชนิด ได้แก่
- วัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ ป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18
- วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ ป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก โดยพบว่าวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ 90% และวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ 70%
ข้อบ่งใช้
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกแนะนำให้ฉีดในเด็กผู้หญิงและเด็กผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยควรฉีดก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากวัคซีนนี้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์
วิธีฉีด
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 3 ครั้ง ดังนี้
- เข็มที่ 1 ฉีดเมื่ออายุ 9-14 ปี
- เข็มที่ 2 ฉีดห่างเข็มแรก 2 เดือน
- เข็มที่ 3 ฉีดห่างเข็มแรก 6 เดือน
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของวัคซีนมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและหายไปเองภายใน 1-2 วัน ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่
- ปวด บวม แดง ที่บริเวณที่ฉีด
- ปวดศีรษะ
- คลื่นไส้
- มึนงง
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่แพ้วัคซีนหรือส่วนประกอบของวัคซีนไม่ควรฉีดวัคซีนนี้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน
ประโยชน์ของวัคซีนมะเร็งปากมดลูก
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกมีประโยชน์มากมาย ดังนี้
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หูดหงอนไก่
- ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก
สรุป
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก แนะนำให้ฉีดในเด็กผู้หญิงและเด็กผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์