อาการที่บ่งบอกว่าอาจเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่
- คลำพบก้อนที่เต้านม หรือบริเวณรักแร้
- มีการเปลี่ยนแปลงขนาด และรูปร่างของเต้านม
- ผิวหนังเปลี่ยนแปลง เช่น รอยบุ๋ม ย่น หดตัวหรือมีความหนาผิดปกติ
- หัวนมมีการหดตัว คัน หรือมีผื่นแดงผิดปกติ
- มีของเหลวหรือน้ำเหลืองไหลออกมาจากเต้านม
- มีอาการเจ็บเต้านม
อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจไม่ได้บ่งบอกถึงมะเร็งเต้านมเสมอไป ก้อนที่เต้านมอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น เนื้องอกที่ไม่เป็นมะเร็ง (benign tumor) หรือการติดเชื้อ
การตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมสามารถทำได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
- การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (self-examination) สามารถทำได้ทุกวันหลังหมดประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์ โดยคลำหาก้อนหรือความผิดปกติที่เต้านมหรือบริเวณรักแร้
- การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (clinical breast examination) แพทย์จะคลำหาก้อนหรือความผิดปกติที่เต้านมหรือบริเวณรักแร้
- แมมโมแกรม (mammogram) เป็นการตรวจเอกซเรย์เต้านม ที่สามารถตรวจหาก้อนเล็ก ๆ ที่เต้านมได้
- อัลตราซาวนด์เต้านม (breast ultrasound) เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อดูลักษณะของเต้านม
- MRI เต้านม (magnetic resonance imaging) เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อดูลักษณะของเต้านม
- การตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) เป็นการนำเนื้อเยื่อของเต้านมไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็ง
หากพบว่ามีก้อนที่เต้านม หรือมีอาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกว่าอาจเป็นมะเร็งเต้านม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงที
ระยะเวลาในการรอผลตรวจมะเร็งนั้นไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด เพราะขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจ และจำนวนคิวในห้องปฏิบัติการ ผลตรวจบางอย่างรอไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์ ในขณะที่การตรวจบางอย่าง หรือบางตำแหน่งอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน