อาการอ้วนจากไทรอยด์มักเกิดจากภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย ซึ่งทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานช้าลง ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการทั่วไปที่พบได้ เช่น
- น้ำหนักขึ้นง่าย โดยเฉพาะบริเวณลำตัว เช่น หน้าท้อง ต้นขา สะโพก น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2-6 กิโลกรัม ในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี
- รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยล้าแม้ไม่ได้ทำอะไรมาก รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา ไม่อยากทำอะไร
- ง่วงนอนบ่อย รู้สึกง่วงนอนบ่อยแม้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ
- ผิวแห้ง ผิวแห้ง แตกง่าย ลอกง่าย
- ผมร่วง ผมร่วงมากกว่าปกติ
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนมาน้อยลงหรือขาดหายไป
- มือเท้าเย็น มือเท้าเย็น รู้สึกหนาวง่าย
นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ท้องผูก อารมณ์แปรปรวน มีปัญหาในการจดจำ ความสามารถในการเรียนรู้ลดลง เป็นต้น
วิธีตรวจร่างกายและตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือด
หากมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือด โดยแพทย์จะพิจารณาจากอาการและผลตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นภาวะไทรอยด์หรือไม่
การตรวจร่างกายโดยทั่วไป แพทย์จะตรวจดูรูปร่าง น้ำหนักตัว ลักษณะผิวพรรณ เส้นผม ประจำเดือน และอาการอื่นๆ ร่วมด้วย การตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือด แพทย์จะเจาะเลือดเพื่อตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ TSH (Thyroid-Stimulating Hormone) และ T4 (Thyroxine) ซึ่งหากระดับฮอร์โมนทั้งสองชนิดต่ำ แสดงว่าผู้ป่วยมีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย
การรักษาภาวะไทรอยด์
การรักษาภาวะไทรอยด์ขึ้นอยู่กับประเภทของภาวะไทรอยด์ โดยหากเป็นภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย แพทย์จะรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน ซึ่งจะทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้นและน้ำหนักลดลงได้ ฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนเป็นยาที่ต้องรับประทานติดต่อกันตลอดชีวิต โดยแพทย์จะปรับขนาดยาให้เหมาะสมตามอาการของผู้ป่วย
การป้องกันภาวะไทรอยด์
ภาวะไทรอยด์สามารถป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ หากพบความผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
คำแนะนำเพิ่มเติม
หากพบว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อภาวะไทรอยด์ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
หากมีอาการผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม