การศึกษาใหม่พบว่าผู้หญิงอายุน้อยเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ชายในสหรัฐอเมริกา สิ่งนี้ขัดแย้งกับแนวโน้มในอดีตที่ผู้ชายเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้หญิง
การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine พบว่าอัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้หญิงอายุ 25-44 ปีเพิ่มขึ้น 50% ระหว่างปี 2543 ถึง 2563 ในขณะที่อัตราการเกิดในผู้ชายอายุเดียวกันลดลง 20%
นักวิจัยยังไม่แน่ใจว่าทำไมอัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้หญิงอายุน้อยถึงสูงขึ้น พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นไปได้ ได้แก่ การสูบบุหรี่ การสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง และภาวะเจริญพันธุ์
การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับมะเร็งปอด แต่ผู้หญิงสูบบุหรี่น้อยลงกว่าผู้ชาย ผู้หญิงที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงเป็นสองเท่าของผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ที่จะเป็นโรคมะเร็งปอด
การสัมผัสกับสารก่อมะเร็งอื่นๆ เช่น ฝุ่นละอองและสารเคมีในอากาศ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน ผู้หญิงอาจสัมผัสกับสารก่อมะเร็งเหล่านี้ได้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากพวกเขามีแนวโน้มที่จะทำงานในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การก่อสร้างและอุตสาหกรรมยานยนต์
ภาวะเจริญพันธุ์ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน ผู้หญิงที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงมีความเสี่ยงเป็นสองเท่าของผู้หญิงที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับต่ำที่จะเป็นโรคมะเร็งปอด
นักวิจัยกำลังดำเนินการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อค้นหาสาเหตุที่อัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้หญิงอายุน้อยสูงขึ้น พวกเขาหวังว่าการค้นพบของพวกเขาจะช่วยให้พัฒนาแนวทางการป้องกันและการรักษาที่ดีขึ้น
เพิ่มเติม
การศึกษานี้มีความสำคัญเนื่องจากแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของมะเร็งปอดกำลังเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงอายุน้อยกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อค้นหาสาเหตุและวิธีป้องกัน
นอกจากการสูบบุหรี่แล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ สำหรับมะเร็งปอด เช่น ประวัติครอบครัวของโรคนี้ การสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง และการได้รับรังสี
หากสูบบุหรี่ สิ่งสำคัญคือต้องเลิกสูบบุหรี่ทันที การเลิกสูบบุหรี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงของมะเร็งปอด
ผู้ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศสูงควรพิจารณามาตรการป้องกัน เช่น สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน
ผู้ที่มีอาการของมะเร็งปอด เช่น ไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หรือหายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์ทันที