โรคฉวยโอกาส (Opportunistic Infections) คือ โรคติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเหล่านี้มักพบได้ยากในคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติ แต่อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในผู้ป่วย HIV
สาเหตุของโรคฉวยโอกาสคือการที่เชื้อโรคต่างๆ สามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย HIV อ่อนแอลง เชื้อโรคเหล่านี้อาจเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยผ่านทางทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ผิวหนัง หรือแผลต่างๆ
ตัวอย่างโรคฉวยโอกาสที่พบได้บ่อย ได้แก่
- วัณโรค เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มักพบได้บ่อยในปอด แต่อาจพบได้ในอวัยวะอื่นๆ เช่น สมอง กระดูก ไต เป็นต้น
- โรคปอดอักเสบจากเชื้อ PJP เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง มักพบได้บ่อยในปอด ผู้ป่วยอาจมีอาการไอ หายใจลำบาก มีไข้ น้ำหนักลด เป็นต้น
- โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อคริปโตคอคคัส เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง มักพบได้บ่อยในเยื่อหุ้มสมอง ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ชัก เป็นต้น
- โรคติดเชื้อรา มักพบได้บ่อยในปาก ช่องคลอด ผิวหนัง และเล็บ ผู้ป่วยอาจมีอาการคัน เป็นแผล ลอก เป็นต้น
- โรคติดเชื้อแบคทีเรีย มักพบได้บ่อยในทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ และระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยอาจมีอาการไอ เจ็บคอ มีไข้ ท้องเสีย เป็นต้น
- โรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอด มะเร็งปาก เป็นต้น
หากผู้ป่วย HIV หยุดกินยาต้านไวรัส ระดับเชื้อ HIV ในเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่ายขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการของโรคฉวยโอกาสได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนหลังหยุดยา
อาการของโรคฉวยโอกาสอาจแตกต่างกันไปในแต่ละโรค ผู้ป่วยอาจมีอาการทั่วไป เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น หรืออาจมีอาการเฉพาะเจาะจงของโรคนั้นๆ เช่น ไอ หายใจลำบาก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
หากผู้ป่วย HIV มีอาการที่สงสัยว่าอาจเกิดจากโรคฉวยโอกาส ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
การรักษาโรคฉวยโอกาสขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ผู้ป่วยอาจได้รับการรักษาด้วยยาต้านจุลชีพ ยาต้านไวรัส ยาต้านมะเร็ง เป็นต้น
การกินยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเกิดโรคฉวยโอกาสในผู้ป่วย HIV ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาอย่างเหมาะสม