การเดินเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย สะดวก และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อให้แข็งแรง ช่วยให้ระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลายอีกด้วย
การเดินเร็ว
การเดินเร็วเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถทำได้ง่าย สะดวก และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การเดินเร็วเป็นการเดินที่เร็วกว่าการเดินปกติเล็กน้อย โดยอัตราการเต้นของหัวใจจะอยู่ที่ประมาณ 120-130 ครั้งต่อนาที ความเร็วในการเดินเร็วควรอยู่ที่ประมาณ 6-7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การเดินเร็วช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากมาย เช่น
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน เป็นต้น
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อให้แข็งแรง
- ช่วยให้ระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลาย
การเดินขึ้นลงเนิน
การเดินขึ้นลงเนินเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้กล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และหัวใจแข็งแรงขึ้น การเดินขึ้นลงเนินจะช่วยให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจจะสูงขึ้น ช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากขึ้น เช่น
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน เป็นต้น
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และหัวใจให้แข็งแรง
- ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานได้ดียิ่งขึ้น
การเดินบนพื้นที่ขรุขระ
การเดินบนพื้นที่ขรุขระเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้กล้ามเนื้อขาและข้อต่อแข็งแรงขึ้น การเดินบนพื้นที่ขรุขระจะช่วยให้ร่างกายต้องใช้กล้ามเนื้อขามากขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อขาและข้อต่อแข็งแรงขึ้น
การเดินเป็นจังหวะ
การเดินเป็นจังหวะเป็นการเดินที่เป็นการเดินเป็นช่วงๆ โดยสลับระหว่างการเดินเร็วและการเดินปกติ การเดินเป็นจังหวะจะช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในระดับที่ดี ช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากขึ้น เช่น
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน เป็นต้น
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง
- ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานได้ดียิ่งขึ้น
การเดินแบบสลับข้าง
การเดินแบบสลับข้างเป็นการเดินสลับข้างไปมา ช่วยให้กล้ามเนื้อขาทั้งสองข้างแข็งแรงเท่ากัน การเดินแบบสลับข้างจะช่วยให้กล้ามเนื้อขาทั้งสองข้างแข็งแรงเท่ากัน ไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บ
รูปแบบการเดินอื่นๆ
นอกจากรูปแบบการเดินที่กล่าวมาแล้ว ยังสามารถเพิ่มรูปแบบการเดินให้หลากหลายขึ้นได้ เช่น การเดินพร้อมกับการวิ่งเหยาะ การเดินพร้อมกับการกระโดด การเดินพร้อมกับการเต้น เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากขึ้นและไม่น่าเบื่อ
ข้อควรระวังในการเดิน
สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเริ่มเดินจากช้าๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วและระยะเวลาในการเดินขึ้นตามลำดับ โดยควรเดินอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน นอกจากนี้ ควรสวมใส่รองเท้าที่ใส่สบายและเหมาะสมกับสภาพพื้นผิวที่เดินด้วย
ประโยชน์ของการเดิน
การเดินเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย สะดวก และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การเดินช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากมาย เช่น
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน เป็นต้น
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อให้แข็งแรง
- ช่วยให้ระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลาย
ดังนั้น จึงควรหมั่นออกกำลังกายด้วยการเดินเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกายและจิตใจ