น้ำมันรถเบนซินมี 2 ประเภทหลักๆ คือ น้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ โดยทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันดังนี้
น้ำมันเบนซิน
น้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ มีลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีส่วนผสมของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนหลายชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยโมเลกุลที่มีคาร์บอนตั้งแต่ 5-12 อะตอม โดยน้ำมันเบนซินมีค่าออกเทนเป็นค่าบ่งชี้ว่าน้ำมันเบนซินสามารถทนต่อความร้อนและการกระแทกได้สูงเพียงใด ค่าออกเทนที่สูงขึ้นจะทำให้น้ำมันเบนซินทนต่อการกระแทกได้มากขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นขึ้น
แก๊สโซฮอล์
แก๊สโซฮอล์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากส่วนผสมของน้ำมันเบนซินและเอทานอล เอทานอลเป็นแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งซึ่งผลิตได้จากการหมักพืชผล เช่น ข้าวโพด อ้อย ข้าวสาลี เป็นต้น แก๊สโซฮอล์มีส่วนผสมของเอทานอลตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 85% โดยแก๊สโซฮอล์ที่มีส่วนผสมของเอทานอลสูงจะมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน แต่จะมีพลังงานน้อยกว่าและอาจส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้
ความแตกต่างระหว่างน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์
คุณสมบัติ | น้ำมันเบนซิน | แก๊สโซฮอล์ |
---|---|---|
ส่วนผสมหลัก | น้ำมันเบนซิน | น้ำมันเบนซินและเทานอล |
ค่าออกเทน | 91-95 | 91-95 (E10) 95 (E20) 85 (E85) |
ราคา | สูงกว่า | ต่ำกว่า |
พลังงาน | มากกว่า | น้อยกว่า |
สมรรถนะ | ดีกว่า | ต่ำกว่า |
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | ดีกว่า | แย่กว่า |
การเลือกน้ำมันเบนซินที่เหมาะสม
การเลือกน้ำมันเบนซินที่เหมาะสมควรพิจารณาจากค่าออกเทนและประเภทของเครื่องยนต์ โดยเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้น้ำมันเบนซินจะต้องระบุค่าออกเทนที่เหมาะสมไว้ในคู่มือการใช้งานรถยนต์ หากเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนไม่เหมาะสมอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดปัญหาได้
สำหรับรถยนต์ทั่วไป สามารถใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 ได้ แต่หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์และลดการปล่อยมลพิษ อาจใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทนสูงกว่าได้
ส่วนแก๊สโซฮอล์นั้น สามารถใช้ได้กับรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้แก๊สโซฮอล์เท่านั้น โดยรถยนต์เหล่านี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงและหัวฉีดให้รองรับการใช้งานแก๊สโซฮอล์ได้