อาการท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
- ท้องเสียเฉียบพลัน มักเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา อาการมักเป็นอยู่ไม่นาน ประมาณ 1-2 วัน และสามารถหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา
- ท้องเสียเรื้อรัง มักเกิดจากการติดเชื้อเรื้อรังในระบบทางเดินอาหาร หรือเกิดจากโรคอื่นๆ เช่น โรคลำไส้อักเสบ โรคลำไส้อักเสบจากภูมิแพ้ โรคลำไส้แปรปรวน เป็นต้น อาการมักเป็นอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ และอาจต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
สำหรับการรักษาอาการท้องเสีย โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำหรือน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ในกรณีที่อาการท้องเสียไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยากลุ่มหยุดถ่าย เช่น โลเพอราไมด์ (Loperamide) หรือ อิโมเดียม (Imodium) เพื่อช่วยลดการถ่ายเหลว
อย่างไรก็ตาม ยากลุ่มหยุดถ่ายไม่ควรรับประทานนานเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น และห้ามรับประทานยากลุ่มหยุดถ่ายหากมีอาการท้องเสียร่วมกับไข้สูง หรือถ่ายเป็นมูกเลือด
สำหรับยาแก้ท้องเสียที่สามารถใช้รับประทานได้เอง ได้แก่
- ยาผงถ่าน (Activated Charcoal) ช่วยดูดซับสารพิษที่เป็นต้นเหตุของอาการท้องเสีย
- ยาแก้ท้องเสียแบบสมุนไพร เช่น ยาธาตุน้ำแดง ยาหอมแดง ยาประสะไพล เป็นต้น
หากมีอาการท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการรุนแรง เช่น ถ่ายเป็นมูกเลือด ไข้สูง อ่อนเพลียมาก คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์
นอกจากการรับประทานยาแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ ได้แก่
- รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ซุป ข้าวต้ม
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
- เลี่ยงอาหารรสจัด ของหมักดอง และอาหารที่มีไขมันสูง
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ