ติ่งเนื้อปากมดลูก (Cervical polyps) คือ ก้อนเนื้อที่ยื่นออกมาจากเยื่อบุปากมดลูก มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อนุ่มๆ คล้ายนิ้วมือ มีขนาดตั้งแต่เล็กเท่าเมล็ดงาไปจนถึงใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ พบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 20 ปี โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีประวัติการมีเพศสัมพันธ์
สาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อปากมดลูกยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- การติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ
- การอักเสบของเยื่อบุปากมดลูก
- ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์
ติ่งเนื้อปากมดลูกส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและมักไม่ก่อให้เกิดอาการใดๆ อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจมีอาการผิดปกติ เช่น
- มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เช่น มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกระหว่างมีประจำเดือน หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย
- ตกขาวมีสีผิดปกติหรือมีกลิ่นเหม็น
- ปวดท้องน้อย
หากมีอาการผิดปกติดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป
การตรวจวินิจฉัยติ่งเนื้อปากมดลูกสามารถทำได้โดยการตรวจภายในและการตรวจ Pap test การตรวจภายในจะช่วยให้แพทย์มองเห็นติ่งเนื้อปากมดลูกได้อย่างชัดเจน ส่วนการตรวจ Pap test จะช่วยให้แพทย์ตรวจหาเซลล์ผิดปกติในปากมดลูกได้
การรักษาติ่งเนื้อปากมดลูกขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของติ่งเนื้อ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัดเอาติ่งเนื้อออก โดยการผ่าตัดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- การจี้ด้วยไฟฟ้า (Electrocautery)
- การจี้ด้วยเลเซอร์ (Laser ablation)
- การกรีดออก (Excision)
การผ่าตัดเอาติ่งเนื้อปากมดลูกมักทำภายใต้การดมยาสลบ ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน
หลังการผ่าตัดเอาติ่งเนื้อปากมดลูก ผู้ป่วยควรงดมีเพศสัมพันธ์และการใช้ยาสอดช่องคลอดเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออกผิดปกติ ตกขาวผิดปกติ หรือปวดท้องน้อย หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์
การป้องกันติ่งเนื้อปากมดลูกสามารถทำได้โดย
- การฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV
- การคุมกำเนิดแบบปลอดภัย เช่น การคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัย
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี