“งูสวัด” อันตรายกว่าที่คิด หากปล่อยไว้นาน เสี่ยงตาบอดได้

“งูสวัด” ความเจ็บปวดที่อันตรายกว่าที่คิด หากปล่อยไว้นาน เสี่ยงตาบอดได้ 01 (1)

งูสวัด เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริมงูสวัด (Varicella-zoster virus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส เมื่อหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสจะฝังตัวอยู่ในปมประสาทและอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีกในภายหลัง โดยมักเป็นในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ โรคมะเร็ง โรคเอชไอวี เป็นต้น

อาการของงูสวัดที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนังที่เชื้องูสวัดกำลังลุกลาม
  • ผื่นแดงขึ้นตามแนวเส้นประสาท
  • ตุ่มน้ำใสขึ้นตามผื่นแดง
  • ตุ่มน้ำแตกออกเป็นแผล
  • ตกสะเก็ด

อาการของงูสวัดมักเริ่มขึ้นที่บริเวณใบหน้าหรือลำตัว โดยผื่นแดงและตุ่มน้ำอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายได้ เช่น บริเวณแขน ขา ลำคอ หน้าอก เป็นต้น อาการของงูสวัดมักหายไปเองภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่อาจมีอาการปวดแสบปวดร้อนตามแนวเส้นประสาทที่เชื้องูสวัดลุกลามได้นานหลายเดือนหรือหลายปี ซึ่งเรียกว่า โรคปวดเส้นประสาทหลังงูสวัด (Postherpetic neuralgia)

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากงูสวัด ได้แก่

  • การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ทำให้เกิดแผลเป็น
  • การติดเชื้อที่ปอด ทำให้เกิดปอดบวม
  • การติดเชื้อที่ตา ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เนื้อตายที่จอประสาทตา ตาบอด
  • การติดเชื้อที่สมอง ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ
  • การติดเชื้อที่ระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอัมพาตครึ่งซีก

การป้องกันงูสวัดสามารถทำได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัด ซึ่งสามารถป้องกันโรคงูสวัดได้ประมาณ 90% ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัดอย่างน้อย 1 ครั้ง

หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการของงูสวัด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

Articles You Might Like

Share This Article

Get Your Weekly Sport Dose

Subscribe to TheWhistle and recieve notifications on new sports posts