ชมพู่เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินเอ และวิตามินอี อีกทั้งยังมีกากใยอาหารสูงอีกด้วย จึงทำให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้
ประโยชน์ของชมพู่ต่อสุขภาพ
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
วิตามินซีในชมพู่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
- บำรุงสายตา
วิตามินเอในชมพู่ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาบอดกลางคืนและจอประสาทตาเสื่อม
- บำรุงผิวพรรณ
วิตามินซีและวิตามินอีในชมพู่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส ชุ่มชื้น และเรียบเนียน
- ช่วยลดน้ำหนัก
ชมพู่มีแคลอรีต่ำ น้ำตาลน้อย และมีกากใยอาหารสูง จึงช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยลดการรับประทานอาหารจุกจิก และช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยระบบขับถ่าย
กากใยอาหารในชมพู่ช่วยเพิ่มกากในอุจจาระ ทำให้อุจจาระอ่อนตัวและง่ายต่อการขับถ่าย จึงช่วยป้องกันโรคท้องผูก
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ชมพู่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งปอด
รายละเอียดเพิ่มเติม
ปริมาณสารอาหารในชมพู่
ปริมาณสารอาหารในชมพู่ 100 กรัม ประกอบด้วย
- พลังงาน 56 กิโลแคลอรี
- น้ำตาล 12.7 กรัม
- เส้นใยอาหาร 2.4 กรัม
- วิตามินซี 100 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 1,000 IU
- วิตามินอี 1.2 มิลลิกรัม
การเลือกชมพู่
ควรเลือกชมพู่ที่สุกเต็มที่ ผิวเป็นสีชมพูอมม่วง เนื้อแน่น ฉ่ำน้ำ
วิธีกินชมพู่ให้ได้ประโยชน์
- สามารถรับประทานสด นำมาทำน้ำผลไม้ นำมาทำแยมหรือซอส หรือนำมาประกอบอาหารได้
- ควรรับประทานชมพู่ในปริมาณที่พอเหมาะ โดยไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้ท้องอืดได้
ตัวอย่างเมนูอาหารจากชมพู่
- น้ำผลไม้ชมพู่
- แยมชมพู่
- ซอสชมพู่
- สลัดชมพู่
- แกงชมพู่
- ชมพู่เชื่อม
ข้อควรระวัง
- ชมพู่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ จึงไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้ท้องเสียได้
- ผู้ที่แพ้ผลไม้ตระกูลเดียวกับชมพู่ เช่น มะม่วง เงาะ ลำไย ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานชมพู่
สรุปแล้ว ชมพู่เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย หาซื้อได้ง่าย และราคาไม่แพง จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุให้กับร่างกาย