ข้อดีของการดื่มกาแฟ
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นสารสำคัญ คาเฟอีนมีคุณสมบัติกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายตื่นตัว กระฉับกระเฉง เพิ่มความสามารถในการจดจำและการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ปวดหัว และช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานหรือเรียนหนังสือ
นอกจากนี้ กาแฟยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรค Parkinson โรค Alzheimer และโรคมะเร็งบางชนิด
งานวิจัยพบว่าการดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม (ไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 4 ถ้วยกาแฟ) มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ลดความเสี่ยงของโรค Parkinson
- ลดความเสี่ยงของโรค Alzheimer
- ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปากมดลูก
- ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
- ช่วยลดอาการปวดหัว
- ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
ข้อเสียของการดื่มกาแฟ
การดื่มกาแฟมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ดังนี้
- ทำให้นอนหลับยาก
- ทำให้หัวใจเต้นเร็ว
- ทำให้กระสับกระส่าย
- ทำให้หงุดหงิด
- ทำให้ปวดหัว
- ทำให้รู้สึกวิตกกังวล
- ทำให้คลื่นไส้อาเจียน
- ทำให้กล้ามเนื้อสั่น
- ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
- ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
- ทำให้กระดูกพรุน
คำแนะนำในการดื่มกาแฟอย่างปลอดภัย
- ไม่ควรดื่มกาแฟในปริมาณที่มากเกินไป โดยไม่ควรดื่มเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 4 ถ้วยกาแฟ
- ไม่ควรดื่มกาแฟก่อนนอน เพราะอาจทำให้นอนหลับยาก
- ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว กระสับกระส่าย หงุดหงิด วิตกกังวล ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน หรือความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือจำกัดปริมาณการดื่ม
- ผู้ที่เป็นโรคไต โรคตับ โรคกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อน โรคไทรอยด์ โรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการดื่มกาแฟ
สรุป
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่หากดื่มมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้น ควรดื่มกาแฟอย่างปลอดภัย โดยไม่ควรดื่มเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน และควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟก่อนนอนสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ