หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักของโรคปอดหลายชนิด เช่น โรคมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด เป็นต้น การสูบบุหรี่จะทำลายเซลล์ปอด ทำให้ปอดทำงานได้ไม่ดี เกิดโรคต่างๆ ตามมา
ผู้ที่สูบบุหรี่ควรเลิกสูบบุหรี่โดยเร็วที่สุด หากเลิกสูบบุหรี่ได้ สุขภาพปอดจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 ปี
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างการทำงานของปอด และช่วยให้ปอดแข็งแรง การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพปอด ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดิน การวิ่ง ว่ายน้ำ เป็นต้น
ผู้ที่ออกกำลังกายควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพปอด เช่น ผักผลไม้ ถั่วเมล็ดพืช น้ำเปล่า เป็นต้น ผักผลไม้เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องปอดจากความเสียหาย ถั่วเมล็ดพืชเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ น้ำเปล่าช่วยรักษาความชุ่มชื้นของปอด
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ
มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นควัน ไอเสียรถยนต์ สารเคมี เป็นต้น เป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคปอด ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง ควรใส่หน้ากากป้องกันทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อติดตามสุขภาพปอด และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง หายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์
พักผ่อนให้เพียงพอ
พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และฟื้นฟูการทำงานของปอด
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของปอด และช่วยให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น
บริหารปอดเป็นประจำ
บริหารปอดเป็นประจำ เช่น การหายใจลึกๆ การออกเสียง “ฮัม” เป็นต้น จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของปอด และช่วยให้ปอดแข็งแรง
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศเย็นจัดหรือร้อนจัด
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศเย็นจัดหรือร้อนจัด เพราะอาจทำให้ปอดอักเสบได้
การดูแลสุขภาพปอดอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปอด และช่วยให้ปอดแข็งแรง หายใจได้เต็มปอด