การกัดเล็บอาจไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคทางจิตเวชเสมอไป แต่หากการกัดเล็บเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจ อาจเข้าข่ายเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder: OCD) ได้
ตามเกณฑ์การวินิจฉัยของสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน (American Psychiatric Association) การกัดเล็บจะจัดว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำได้ หากมีอาการดังต่อไปนี้
- มีความคิดหรือแรงกระตุ้นซ้ำๆ ที่จะกัดเล็บ
- รู้สึกกังวลหรือคับข้องใจอย่างมากหากไม่สามารถกัดเล็บได้
- พยายามควบคุมความคิดหรือแรงกระตุ้นดังกล่าว แต่ล้มเหลว
- การกัดเล็บส่งผลกระทบต่อการทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมทางสังคม
สาเหตุของการกัดเล็บนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- ความเครียด
- วิตกกังวล
- อารมณ์แปรปรวน
- นิสัยติดตัว
- ปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ เช่น โรคสมาธิสั้น (Attention deficit hyperactivity disorder: ADHD)
การกัดเล็บอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจได้ เช่น
- เล็บผิดรูปหรือเป็นแผล
- ปากเหม็น
- เกิดการติดเชื้อที่เล็บหรือผิวหนังรอบๆ เล็บ
- อารมณ์แปรปรวน
- ขาดความมั่นใจในตนเอง
หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการกัดเล็บบ่อยครั้งจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม
การรักษาการกัดเล็บอาจทำได้หลายวิธี เช่น
- การรักษาด้วยยา: แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านอาการซึมเศร้าหรือยาต้านอาการวิตกกังวลเพื่อช่วยควบคุมอาการกัดเล็บ
- การให้คำปรึกษา: นักจิตวิทยาอาจช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจสาเหตุของการกัดเล็บและหาวิธีจัดการกับอารมณ์หรือความคิดที่เป็นสาเหตุ
- เทคนิคการผ่อนคลาย: เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ การนวด หรือการทำสมาธิ สามารถใช้ช่วยลดความเครียดและวิตกกังวล ซึ่งเป็นสาเหตุของการกัดเล็บได้
- การใช้อุปกรณ์ป้องกัน: การใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ยาทาเล็บรสขมหรือปลอกนิ้ว อาจช่วยป้องกันไม่ให้กัดเล็บได้
การเลิกกัดเล็บอาจต้องใช้เวลาและพยายาม แต่หากสามารถเลิกกัดเล็บได้สำเร็จ จะช่วยให้สุขภาพกายและใจดีขึ้นได้