กระตุ้นขับถ่าย โยคะเป็นศาสตร์การผสมผสานระหว่างการเคลื่อนไหว การฝึกลมหายใจ และการทำสมาธิ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจมากมาย หนึ่งในประโยชน์ของโยคะที่หลายคนอาจยังไม่ทราบก็คือ การช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก และช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น
ท่าโยคะที่จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้นั้น โดยทั่วไปจะเป็นท่าที่เน้นการบิดตัว ยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณลำไส้ และกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ โดยท่าโยคะที่ได้รับความนิยม ได้แก่
ท่าบิด (Twist Pose) กระตุ้นขับถ่าย
ท่าบิดเป็นท่าโยคะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดท่าหนึ่งในการช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย โดยท่าบิดจะช่วยบีบลำไส้และกระตุ้นการไหลเวียนของลำไส้ ส่งผลให้อุจจาระเคลื่อนตัวได้สะดวกยิ่งขึ้น
วิธีทำท่าบิด
- นอนหงายกับพื้น งอเข่าทั้ง 2 ข้าง เข้าหาหน้าอก
- จากนั้นเหยียดขาซ้ายให้ตึงในลักษณะลอยเหนือพื้น
- ค่อย ๆ เบี่ยงเท้าขวาไปด้านซ้าย ให้ไหล่ทั้ง 2 ข้าง ตั้งฉากกับพื้น
- ค้างท่าไว้ประมาณ 1-2 นาที
- จากนั้นสลับไปทำข้างซ้าย
ท่าปลา (Fish Pose)
ท่าปลาเป็นท่าโยคะที่จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ ไหล่ หลัง และสะโพก ซึ่งกล้ามเนื้อเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร หากกล้ามเนื้อเหล่านี้ตึงตัว จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาท้องผูกได้
วิธีทำท่าปลา
- นอนหงายกับพื้น งอขาทั้ง 2 ข้าง วางฝ่าเท้าลงกับพื้น
- ยกสะโพกขึ้นจนลำตัวตั้งฉากกับพื้น
- วางมือไว้บริเวณสะโพก
- ค้างท่าไว้ประมาณ 1-2 นาที
ท่าคุกเข่าบิดตัว (Kneeling Twist Pose)
ท่าคุกเข่าบิดตัวเป็นท่าโยคะที่จะช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณลำไส้ โดยท่าบิดจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้อุจจาระเคลื่อนตัวได้สะดวกยิ่งขึ้น
วิธีทำท่าคุกเข่าบิดตัว
- คุกเข่าบนพื้น วางฝ่าเท้าไว้บนพื้น
- มือทั้งสองข้างวางไว้ที่สะโพก
- จากนั้นบิดตัวไปด้านซ้าย
- ค้างท่าไว้ประมาณ 1-2 นาที
- จากนั้นสลับไปทำข้างขวา
นอกจากท่าโยคะเหล่านี้แล้ว ยังมีท่าโยคะอื่นๆ ที่จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้อีกมากมาย ได้แก่
- ท่าบิดตัวด้านข้าง (Side Twist Pose)
- ท่าเด็ก (Child’s Pose)
- ท่าโกหกบิดตัว (Log Pose)
- ท่าแมว-วัว (Cat-Cow Pose)
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากครูผู้สอนโยคะหรือแหล่งข้อมูลออนไลน์ต่างๆ
ปัจจัยอื่นๆ ที่จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย
นอกจากการทำท่าโยคะแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้อีกด้วย ได้แก่
- การดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำจะช่วยหล่อลื่นลำไส้และช่วยให้อุจจาระเคลื่อนตัวได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง กากใยจะช่วยเพิ่มปริมาตรของอุจจาระและทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ส่งผลให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น โดยควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว เมล็ดพืช เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ไขมันสูงอาจทำให้ลำไส้ทำงานหนักและส่งผลให้ท้องผูกได้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และระบบย่อยอาหาร
หากมีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม