นายแพทย์ชวินทร์ เมธีธรานนท์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ชนิด 4 สายพันธุ์ จำนวน 1 ล้านเข็ม จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อฉีดให้กับหญิงอายุ 9-26 ปี ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง พบได้ประมาณ 6,000 รายต่อปี เสียชีวิตประมาณ 1,200 รายต่อปี
การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70% นอกจากนี้ วัคซีนยังช่วยป้องกันโรคหูดหงอนไก่ และมะเร็งช่องปากและลำคอได้อีกด้วย
กลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1 ล้านเข็มของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ หญิงอายุ 9-26 ปี ที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกมาก่อน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 อายุ 9-14 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน
- กลุ่มที่ 15-26 ปี ให้ฉีด 3 เข็ม เข็มที่ 1 เข็มที่ 2 ห่างกัน 1-2 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างกัน 6 เดือน
หญิงที่มีอายุ 15-26 ปี ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกมาก่อน สามารถไปรับบริการฉีดวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลของรัฐและเอกชนที่ร่วมโครงการ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลได้ที่เว็บไซต์ของสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้เตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก โดยจัดอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีน และขั้นตอนการฉีดวัคซีน รวมทั้งจัดเตรียมวัคซีน อุปกรณ์ และสถานที่ฉีดวัคซีนให้เพียงพอต่อความต้องการ
นายแพทย์ชวินทร์ กล่าวย้ำว่า การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ดังนั้น หญิงอายุ 9-26 ปี ควรรีบไปรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในอนาคต
- วัคซีนที่ฉีด: วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ชนิด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ HPV-16, HPV-18, HPV-6 และ HPV-11
- กลุ่มเป้าหมาย: หญิงอายุ 9-26 ปี ที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกมาก่อน
- จำนวนเข็ม: หญิงอายุ 9-14 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน หญิงอายุ 15-26 ปี ให้ฉีด 3 เข็ม เข็มที่ 1 เข็มที่ 2 ห่างกัน 1-2 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างกัน 6 เดือน
- สถานที่ฉีด: สถานพยาบาลของรัฐและเอกชนที่ร่วมโครงการ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลได้ที่เว็บไซต์ของสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร
การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารเช้า
- งดยาแก้อักเสบ ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และยาต้านการแข็งตัวของเลือดก่อนฉีดวัคซีน 7 วัน
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติแพ้ยาหรือวัคซีนใด ๆ
ขั้นตอนการฉีดวัคซีน
- แพทย์ซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น
- พยาบาลเตรียมวัคซีน
- แพทย์ฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อไหล่ด้านซ้าย
- พยาบาลสังเกตอาการหลังฉีดวัคซีน
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดวัคซีน
- สังเกตอาการหลังฉีดวัคซีน หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดวัคซีน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70% นอกจากนี้ วัคซีนยังช่วยป้องกันโรคหูดหงอนไก่ และมะเร็งช่องปากและลำคอได้อีกด้วย
ดังนั้น หญิงอายุ 9-26 ปี ควรรีบไปรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในอนาคต